ดาวโจนส์ร่วง 268 จุด วิตกโควิดระลอกใหม่

HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.75% จากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ทั่วโลก ออสเตรียประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ เยอรมนีใช้มาตรการเข้มงวดกับประชาชนที่ไม่ฉีดวัคซีน นักลงทุนขายกลุ่มธนาคาร พลังงานออก และเข้าไปลงทุนกลุ่มเทคโนโลยี ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลงต่ำกว่า 80 ดอลลาร์/บาร์เรล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ วันที่ 19 พ.ย. 2564 ปิดที่ 35,601.98 จุด ลดลง 268.97 จุด หรือ 0.75% จากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ทั่วโลก

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,697.96 จุด ลดลง 6.58 จุด, -0.14%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,057.44 จุด เพิ่มขึ้น 63.73 จุด, +0.40%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1.4% และลดลง 2.3% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ดัชนี Nasdaqเพิ่มขึ้น 1.2% และดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 0.3%

ผลการดำเนินงานบริษัทค้าปลีกรายใหญ่และข้อมูลยอดค้าปลีกที่ช่วยลดความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อของตลาดในวงกว้างและเป็นแรงหนุน ขณะที่กังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้น

ตลาดอ่อนตัวลงหลังจากออสเตรียประกาศช่วงเช้าเมื่อวานใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศจากการที่ผู้ติดเชื้อโควิดสูงขึ้น รวมทั้งเยอรมนีใช้มาตรการเข้มงวดกับประชาชนที่ไม่ฉีดวัคซีน หลังเกิดการระบาดระลอก 4 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

นักวิเคราะห์จาก Baird กล่าวว่า ตลาดไม่ได้มองว่า ตอนนี้มีวัคซีนแล้ว มียาเม็ดรักษาโควิด และมีวิธีอื่นๆในการรักษาผู้ป่วยโควิด นอกจากนี้ตลาดผ่านการระบาดมาแล้วหลายระลอก จากหลายสายพันธุ์ ก็ยังไม่มีการเทขาย แต่ที่ร่วงลงส่วนหนึ่งมาจากการสลับกลุ่มลงทุน

การระบาดระลอกใหม่ทำให้นักลงทุนขายกลุ่มธนาคาร พลังงานออก และเข้าไปลงทุนกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งแรงซื้อส่วนหนึ่งมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่อ่อนตัวลง หุ้นเมตาเพิ่มขึ้น 1.95%, หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 1.7% และหุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.54%

หุ้นสายการบินและกลุ่มสันทนาการปรับตัวลดลง โดยหุ้นเดลตา แอร์ไลน์สลดลง1% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ลดลง 2.7% หุ้นนอร์วีเจียน ครูซไลน์ลดลง 2% หุ้นโรยัลแคริบเบียน ลดลงราว 2.9%

หุ้นโบอิ้งลดลง 5.7% หุ้น Airbnb ลดลง 3.8%

หุ้นสายการบินลดลง แม้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางในสัปดาห์ก่อน แต่จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นและมาตการที่เข้มงวดในยุโรป กลบความหวังการฟื้นตัวของการเดินทางข้ามทวีป

หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง หลังราคาน้ำมันดิบลดลงจากความวิตกเกี่ยวกับความต้องการน้ำมันเป็นผลจากการล็อกดาวน์ หุ้นเดวอน เอ็นเนอร์จี้ลดลง 6.2% หุ้นเฮสส์ลดลง 5.7%

นักลงทุนยังจับตาการเสนอชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ จากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด เป็น 2 ตัวเก็งที่อาจได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานเฟดคนใหม่ ซึ่งหากนางเบรนาร์ดได้รับการคัดเลือก ตลาดคาดว่าเฟดจะดำเนินนโยบายแบบผ่อนคลาย และการปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือการปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดจะทอดยาวออกไป

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มธนาคารที่ลดลง 2.3% หลังจากหลายประเทศใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิดหลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น

กลุ่มธนาคารลดลง หลังจากนางคริสตีน ลาการ์ดประธานธนาคารกลางสหภาพยุโรป (ECB) ออกมาให้ความเห็นว่าเงินเฟ้อจะอ่อนตัวลง และ ECB จะไม่ปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดก่อนเวลาที่เหมาะสม อีกทั้งเงื่อนไขที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยมีแนวโน้มยังไม่เหมาะสมในปีหน้า

จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในยุโรป ทำให้หลายประเทศใช้มาตรการล็อกดาวน์และเข้มงวดในกลุ่มที่ไม่ฉีดวัคซีน โดยเยอรมนีใช้มาตรการเข้มงวดกับประชาชนที่ไม่ฉีดวัคซัน ส่วนออสเตรีล็อกดาวน์ทั้งประเทศ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 486.08 จุด ลดลง 1.62 จุดม -0.33%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,223.57 จุด ลดลง 32.39 จุด, -0.45%

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,112.29 จุด ลดลง 29.69 จุด, -0.42

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,159.97 จุด ลดลง 61.76 จุด, -0.38%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 2.91 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 76.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือน ลดลง 2.35 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 78.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล