KTB แนะอุตฯอาหารบุกตลาด”อาหารเฉพาะบุคคล” ปี 68 มูลค่าตลาด 5.5 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย ชี้เทรนด์อาหารเฉพาะบุคคล (Personalized Food) โอกาสอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปในการสร้างมูลค่าเพิ่ม คาดมูลค่าตลาดในไทยโตเฉลี่ยปีละ 14.2% หรือแตะ 5.5 หมื่นล้านบาท ในปี2568

ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เมื่อรวมกับ 2 เทคโนโลยีที่ร้อนแรงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ FoodTech และ HealthTech ทำให้เกิดเทรนด์อาหาร Personalized Food หรืออาหารเฉพาะบุคคล หมายถึง อาหารที่มีสารอาหารที่จำเป็นและเหมาะสมกับการใช้ชีวิต สุขภาพ และพันธุกรรมในแต่ละบุคคล เพื่อตอบสนองสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน รวมถึงอาหารบุคคลเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้ควบคุมน้ำหนัก และกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นต้น

“การระบาดของ COVID-19 เป็นตัวเร่งทำให้คนให้ความสำคัญกับอาหารที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคลมากขึ้น สำหรับประเทศไทย คาดว่ามูลค่าตลาด Personalized Food อาจแตะ 5.5 หมื่นล้านบาท ในปี 2568 หรือโตเฉลี่ยปีละ 14.2%” ดร.พชรพจน์ กล่าว

นายอภินันทร์ สู่ประเสริฐ นักวิเคราะห์ กล่าวว่า การทำตลาด Personalized Food ในไทย ควรเริ่มต้นจากตลาด Personalized Food ที่ผลิตสำหรับกลุ่มบุคคลก่อน ได้แก่ กลุ่มผู้ควบคุมน้ำหนัก กลุ่มผู้เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และกลุ่มผู้สูงอายุ เพราะเป็นกลุ่มที่เต็มใจจ่ายค่าในราคาที่สูงกว่าสินค้าปกติ 40-50% ทำให้ยังต้องพิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุน เพราะขนาดตลาดที่ยังไม่ใหญ่มาก

“ตลาดนี้น่าจะเหมาะกับผู้ประกอบการธุรกิจผลิตอาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมทาน ธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และธุรกิจร้านอาหารสุขภาพ เพราะสามารถต่อยอดได้จากธุรกิจเดิม” นายอภินันทร์ กล่าว

นายปราโมทย์ วัฒนานุสาร นักวิเคราะห์ กล่าวเสริมว่า ปัจจัยที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องสร้างการรับรู้ถึงคุณประโยชน์ หรือชี้ให้เห็นว่าอาหารเฉพาะบุคคลมีความจำเป็นอย่างไรกับผู้บริโภค รวมทั้งควรมีการสร้างแรงจูงใจ แก่ผู้บริโภคในการเข้าถึงการตรวจสุขภาพ ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ยังต้องสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เชี่ยวชาญในด้านสุขภาพและโภชนาการ ได้แก่ 1. ผู้ให้บริการตรวจวิเคราะห์สุขภาพ (Testing Service) 2. ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและอาหาร (Health and Nutrition Specialist) 3. ผู้ผลิตสารอาหาร (Food Ingredient) และสุดท้าย ผู้ประกอบการยังต้องติดตามเทรนด์ตลาดอาหารเฉพาะบุคคล เพื่อจะได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง