HoonSmart.com>> “ทรู คอร์ปอเรชั่น” เผยไตรมาส 3/64 ขาดทุนสุทธิ 603 ล้านบาท จากงวดปีก่อนกำไร 104 ล้านบาท เหตุบันทึกกำไรขายหน่วยลงทุนกองทุน DIF ประมาณ 1.5 พันล้านบาท หากไม่รวมรายการนี้ ผลประกอบการดีขึ้น 57% กลุ่มทรูมีรายได้รวม 32,966 ล้านบาท ลดลง 0.1% จากงวดปีก่อน บริหารต้นทุนได้ดีกดค่าใช้จ่ายลดวูบหนุน EBITDA เติบโต 8%
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) เปิดเผยผลการดำเนินงานงานไตรมาส 3 ปี 2564 ขาดทุนสุทธิ 602.81 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.02 บาท พลิกจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 104.16 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.003 บาท เนื่องจากงวดในไตรมาส 3 ปี 2564 ซึ่งมีการบันทึกกำไรจากการขายหน่วยลงทุนในกองทุน DIF ประมาณ 1.5 พันล้านบาท หากไม่รวมรายการนี้ผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น 57% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน
ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2564 ขาดทุนสุทธิ 1,482.75 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.04 บาท พลิกจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,205.22 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.04 บาท
กลุ่มทรูมีรายได้รวม 32,966 ล้านบาท ลดลง 0.1% จากไตรมาส 3 ของปีก่อน โดยมีรายได้จากการให้บริการ 26,187 ล้านบาท อ่อนตัวลง 1.1% จากไตรมาส 3 ของปีก่อน จากผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีความเข้มงวดมากขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ทำให้กดดันรายได้ของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงินและเพย์ทีวีของทรูวิชั่นส์ ขณะที่ฐานผู้ใช้บริการทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G บรอดแบนด์และดิจิทัล เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สร้างศักยภาพการเติบโตให้กับกลุ่มทรูต่อไป
ทั้งนี้ การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพทั่วทั้งองค์กรส่งผลบวกต่อเนื่อง โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานหลักลดลง 8.0% ผลักดันให้ EBITDA เติบโต 7.6% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน เป็น 14,366 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษี (EBIT) เพิ่มขึ้น 15.2% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนเป็น 2,939 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2564
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขยายโครงข่ายทั้งค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตใช้งานคลื่นความถี่โทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมถึงดอกเบี้ย ยังคงกดดันความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในระหว่างไตรมาส อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ผ่านจุดการลงทุนที่สูงสุดไปแล้วมีศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายโทรคมนาคม บริการและแพลตฟอร์มดิจิทัลที่แข็งแกร่ง พร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการลงทุนดังกล่าว และเติบโตต่อไป
การเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่การเป็นเทคคอมปานี ที่นำดิจิทัลและนวัตกรรมมาใช้ในทุกภาคส่วน ผลักดันด้วยเทคโนโลยี AI และวิทยาศาสตร์ข้อมูล ช่วยปรับปรุงกระบวนการให้ตอบรับกับความต้องการของทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจ รวมถึงสภาวะตลาดและการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ ทำให้สามารถนำเสนอสินค้า บริการและสิทธิประโยชน์พร้อมการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น อีกท้้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารค่าใช้จ่ายและด้านกระบวนการให้เป็นแบบ end to end
นอกจากนี้ กลุ่มทรู เดินหน้าพัฒนาบริการด้านดิจิทัล IoT และ โซลูชันทันสมัยแบบครบวงจรสำหรับหลากหลายอุตสาหกรรม ผสานความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ และมุ่งสร้างความสะดวกและเข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นผ่านช่องทางดิจิทัล e-commerce อย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้ควบคู่ไปกับการเดินหน้าปรับโครงสร้างต้นทุนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลกำไรให้เติบโตได้อย่างยั่นยืน