บล.คิงส์ฟอร์ดคาดหุ้นฟื้นตัวทดสอบ 1,640–1,650 จุด

HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” มองแนวโน้มหุ้นวันนี้ฟื้นตัว แรหนุนเศรษฐกิจเริ่มฟื้นในไตรมาส 4 รอมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อปลายปี เช้านี้ติดตาม GDP ไทย Q3/64 หุ้นแนะนำวันนี้ TH-BEM

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ฟื้นตัวในกรอบแนวรับ 1,620 – 1,625 แนวต้าน 1,640 – 1,650 ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวใน Q4 นี้ และรอ มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงปลายปีนี้ แนะนำซื้อ CPALL, CRC, CBG, OSP, SAPPE, COM7 (+ค้าปลีก, อุปโภคคาดฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ )

SET สัปดาห์ที่ผ่านมา +0.47% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 7.20 หมื่นล้านบาท -6.2% WoW ต่างชาติซื้อ 3,426 ล้านบาท พอร์ตโบรกซื้อ 3,156 ล้านบาท สถาบันขาย 3,227 ล้านบาท โดยมีเม็ดเงินต่างชาติซื้อพันธบัตรไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.7 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรรุ่นอายุ 5 ปี ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของต่างชาติต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย

สำหรับแรงขายสัปดาห์ที่ผ่านอยู่ในกลุ่มพลังงาน, ปิโตรเคมี, โรงไฟฟ้า แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่รายงานกำไร Q3/64 ดีกว่าคาด และ DELTA เริ่มฟื้นตัวหลังมีความชัดเจนเกณฑ์นำหุ้นเข้า-ออก SET50/100 เช้านี้ติดตามสภาพัฒน์รายงาน GDP ไทย Q3/64 Consensus คาด -0.80% YoY, -2.50% QoQและมุมมองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ TH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 3.90 บาท) บริษัทรายงานกำไร 3Q64 ที่ 20 ล้านบาท -10%QoQ, +911%YoY แนวโน้ม 4Q64 คาดเติบโตต่อเนื่อง หนุนจากธุรกิจการบริหารจัดการหนี้เสีย (AMC) ล่าสุดสามารถประมูลหนี้เสียจากสถาบันการเงินมีมูลค่า 3 พันล้านบาท จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ช่วงกลาง 4Q64 ส่วนแนวโน้มปี 65-66 บริษัทมีโอกาสเข้าประมูลหนี้เพิ่ม ตามปริมาณหนี้เสียในระบบธนาคารที่มากขึ้นหลังสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ประกอบกับเงินสดและเงินลงทุนที่มีอยู่ค่อนข้างพร้อม รวมถึง D/E ต่ำเพียง 0.03 เท่า ทำให้มีโอกาสขยายพอร์ตให้เติบโตได้อีกมาก

BEM (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 10.45 บาท) กำไรสุทธิงวด 3Q64 อยู่ที่ 108 ลบ. (-86.8 YoY, 45.9%QoQ) หดตัวตาม Traffic คนเดินทางที่ลดลงจากการระบาดของ Covid-19 แต่คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ใน 4Q64 โดยช่วงเดือน ต.ค. 64 ที่ผ่านมา ปริมาณจราจรของBEM และจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT ฟื้นตัว MoM เป็นเดือนที่ 2 จากจุดต่ำสุดของปีในเดือน ส.ค. 64 มาอยู่ที่ระดับ 898.74 พันเที่ยวต่อวัน(-20.51%YoY, +14.64%MoM) และ 100.00 พันเที่ยวต่อวัน(-54.67%YoY, +36.00%MoM) และหากอ้างอิงถึงจุดต่ำสุดในปีก่อนช่วงเดือน เม.ย.63 เราประเมินว่า ปริมาณจราจร และจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า จะกลับเข้าสู่ระดับราว 80% ของระดับปกติได้ใน 3-4 เดือน ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ในปี65 จะฟื้นตัวจากในปีนี้ที่ 0.07 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ระดับ 0.22 บาท/หุ้น