แห่เชียร์ SCB ซื้อ Bitkub ถูก เพิ่มเป้ากำไร-มูลค่าหุ้น

HoonSmart.com>>นักวิเคราะห์เชียร์ดีลแบงก์ไทยพาณิชย์ ซื้อหุ้น Bitkub 51% มูลค่า 17,850 ล้านบาท ได้ราคาถูกและดี Bitkub คาดปีนี้กำไร 2,000 ล้านบาท เพิ่มกำไรปีหน้าให้กับ SCB ประมาณ 3% หนุน SCBX วิ่งเข้าเป้าหมายดิจิทัลเร็วขึ้น บล.เคทีบีเอสทีคาดมูลค่าหุ้นเพิ่ม 4.6 บาท ให้ราคา 150 บาท บล.ทรีนีตี้ เพิ่มกำไร  3.7% BBL พบนักวิเคราะห์มองบวก กำไรปีนี้ทะยานขึ้น 51% ลุ้นคว้าดีลซื้อพอร์ตซิตี้แบงก์ เพิ่มกำไร 3% บล.กรุงศรีเพิ่มเป้ากำไรปีนี้ 8% เพิ่มใหม่ 141 บาท  

นักวิเคราะห์มีมติเอกฉันท์มองบวกดีลธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) ซื้อหุ้นบริษัท บิทคับ ออนไลน( Bitkub) ผู้นำด้านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของไทย ส่วนแบ่งตลาด 92% มูลค่าประมาณ 17,850 ล้านบาท ถือว่าได้ราคาถูกเทียบกับราคาของผู้ประกอบการในต่างประเทศ คาดว่า Bitkub จะมีกำไรประมาณ 2,000 ล้านบาทในปีนี้ ดีลซื้อขายหุ้นเสร็จต้นปีหน้า ช่วยเพิ่มกำไรของ SCB ประมาณ 3% บล.เคทีบีเอสที ประเมินว่ากำไรของ Bitkub ทุกๆ 1,000 ล้านบาท เพิ่มมูลค่าให้ 2.3 บาท/ หุ้น หากมีกำไร 2,000 ล้านบาท มูลค่าเพิ่ม 4.60 บาท

บล.ทรีนีตี้มองบวกราคาที่ซื้อ P/E ราว 17.5 เท่า ถือว่าไม่แพงเทียบกับอัตราการเติบโตกำไรของ Bitkub ที่ค่อนข้างสูง หลังจากปี 2562 ขาดทุน 14.5 ล้านบาท พลิกมามีกำไร 80 ล้านบาทในปี 2563 และคาดว่าปีนี้กำไรอาจจะทะลุ 2,000 ล้านบาท ช่วยกำไรของ SCB ราว 3% ในอนาคตจะเพิ่มมากกว่านี้ และเป็นปัจจัยหนุนเป้าหมายระยะยาว หลังปรับโครงสร้างเป็น SCBX และ SCBS ตั้งเป้าจะเป็นอันดับ 1 ในด้าน Digital Assets และอาจช่วยหนุนบริษัทอื่นๆในเครือทำธุรกิจ Digital Assets และ Blockchain อีกด้วย

“เราปรับประมาณการกำไรปี65 ขึ้นเล็กน้อยราว 3.7% และปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 146 บาท อิง P/BV 1.1 เท่า แนะนำซื้อ”บล.ทรีนีตี้ระบุ

บล.โนมูระ พัฒนสิน มองบวกช่วยต่อยอดธุรกิจให้กับ SCB ซึ่งปัจจุบันมีเพียงTokenX ทำหน้าที่เพียงการออกเหรียญดิจิทัล ( ICO) หากใช้สมมติฐานว่าการซื้อขายเสร็จในไตรมาสแรกปี 2565 คาดว่าจะทำให้ประมาณการกำไรปีหน้าเพิ่มอีกราว 3% และราคาเป้าหมาย 0.30 บาท ต่อหุ้น ยังคงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย 150 บาท ยังเลือกเป็น Top pick ของกลุ่มธนาคาร จากการเป็นผู้ริเริ่มปรับเปลี่ยน landscape ธุรกิจธนาคารให้มีความคล่องตัว และยังมีแผนรุกสินเชื่อจำนำทะเบียน ซึ่งเป็น segment ใหม่ของ SCB ช่วยหนุนการเติบโตในระยะยาว นอกจากนี้ยังเห็นความพยายามในการจัดการคุณภาพสินทรัพย์เชิงรุกมากขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมในการเร่งขยายสินเชื่อ และลดค่าใช้จ่ายสำรองในปีหน้า

ส่วนธนาคารกรุงเทพ(BBL) พบนักวิเคราะห์ ก็มีมุมมองบวก โดยผู้บริหารมีนโยบายที่จะรุกดิจิทัลมากขึ้นรวมถึงขยายฐานลูกค้าสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นด้วย ขณะเดียวกันโครงสร้างธุรกิจแข็งแกร่งรับความเสี่ยงได้มาก บล.เคทีบีเอสทีคาด BBL มีผลงานโดดเด่นมาก ในปี 2564 คาดมีกำไรสุทธิ 2.6 หมื่นล้านบาท พุ่งขึ้น 51% จากปีก่อน และยังมีจุดเด่นที่ราคาถูก Laggard มากที่สุดในกลุ่มแบงก์ P/BV 0.5 เท่า ให้เป้าหมายราคา 146 บาท

ส่วนการที่ BBL เข้าร่วมประมูลซื้อพอร์ตของซิตี้แบงก์มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท นักวิเคราะห์คาดว่าหากได้มาดีลจะเสร็จสิ้นในปลายปีนี้ และมีโอกาสเพิ่มกำไรในปีหน้าได้ถึง 3% พร้อมต่อยอดธุรกิจรายย่อยให้กับธนาคารกรุงเทพด้วย

บล.กรุงศรีเพิ่มเป้ากำไรปีนี้ 8% ราคาเป้าหมายใหม่ 141 บาท จากราคาเดิมอยู่ที่ 136 บาท

นายธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์ นักกลยุทธ์เศรษฐศาสตร์มหภาค บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เดือน พ.ย. มีประเด็นที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1.จุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของ QE Tapering จะเกิดขึ้นในการประชุมครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งมุมมองตลาดแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ เฟด จะเริ่ม QE Tapering ในเดือน พ.ย. และไปสิ้นสุดในเดือน มิ.ย. 2565 เฟด จะเพียงแค่ประกาศ แต่จะไปเริ่มจริงในเดือน ธ.ค. และไปสิ้นสุดประมาณเดือน ก.ค.

วันที่ 3 พ.ย.2564 ตลาดุ้นไทยร่วงต่อ ลงไปลึกสุด 1,607.72 จุด ก่อนฟื้นขึ้นปิดที่ 1,611 จุด ติดลบ 5.97 จุด หรือ -0.37% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 84,727 ล้านบาท มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ ลิสซิ่ง และอิเล็กทรอนิกส์หนุนตลาด นักลงทุนชะลอการลงทุนรอผลการประชุมเฟด นักลงทุนสถาบันซื้อ 426 ล้านบาท ต่างชาติซื้อ 268 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยขาย 354 ล้านบาท พอร์ตบล.ขาย 340 ล้านบาท

แรงซื้อหุ้น SCB ราคาขึ้นไปสูงสุด 134.50 บาท ปิดที่ 131.50 บาท +1.50 บาท ส่วน BBL และ KBANK ระหว่างวันปรับตัวขึ้นก่อนปิดเท่ากับวันก่อน

ส่วนหุ้นน้องใหม่ ปรับตัวลงหลายตัว นำโดย JP  ปิดลดลง 19.42% DPAINT ลดลง 1.06% ปิดที่ 9.35 บาท TFM ติดลบ 1.44% ปิดที่ 0.20 บาท ขณะที่ GLORY บวก 2.80% ปิดที่ 4.40 บาท