BA แรงไม่ตกเก็งกำไรซื้อหุ้นคืน-รับไฮซีซั่นสมุย

นักลงทุนเก็งกำไร BA ราคาพุ่ง 7% รับข่าวบริษัทฯ เตรียมซื้อหุ้นคืนในตลาด ด้านราคายังต่ำกว่าเป้าหมายโบรกฯ แนะเล่นเก็งกำไรรับไฮซีซั่นเกาะสมุย

หุ้นบริษัท การบินกรุงเทพ (BA) ปรับตัวแรงตั้งแต่เปิดตลาดราคาพุ่งแตะ 12.70 บาท บวก 0.40 บาทและแตะสูงสุด 13.20 บาท เพิ่มขึ้น 7.32 % ก่อนถูกแรงขายทำกำไรกดราคาต่ำสุดที่ 12.50 บาท และเวลา 15.03 น. อยู่ที่ 12.80 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 4.07% มูลค่าการซื้อขาย 150.09 ล้านบาท

เมื่อวานนี้บริษัทฯ แจ้งว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2561 อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนผ่านตลาดหลักทรัพย์เพื่อบริหารทางการเงิน จำนวน 40 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 1.90% ของจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว วงเงินซื้อหุ้นคืน 500 ล้านบาท โดยกำหนดวันเริ่มต้นซื้อคืนในวันที่ 7 ก.ย.2561-6 มี.ค.2562


บล.บัวหลวง แนะนำ`ซื้อเก็งกำไร` หุ้น BA ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 16.50 บาท โดยเชื่อว่าราคาหุ้น BA ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาที่ปรับตัวแย่กว่าตลาดได้สะท้อนผลประกอบการไตรมาส 2/61 ที่อ่อนแอไปแล้วและคาดว่าช่วงไฮซีซั่นของเกาะสมุยในไตรมาส 3 จะหนุนการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารและผลักดันให้ผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นให้ปรับตัวสูงขึ้น ยังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”

ทั้งนี้ แม้ว่าโดยปกติช่วงไตรมาส 3 จะเป็นช่วงโลว์ซีซันของการท่องเที่ยวไทย แต่นับว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นของเกาะสมุยซึ่งเป็น จุดหมายปลายทางที่มีสัดส่วนรายได้ค่าโดยสารมากที่สุดสำหรับ BA (49% ของปี 2560 และ 52% ของครึ่งแรกปี 2561) จากข้อมูลในอดีตปี 2556-2560 แสดงว่าจำนวนผู้โดยสารของสายการบินเพิ่มขึ้น 16% QoQ เฉลี่ยในไตรมาส 3 เทียบกับสายการบินอื่นๆที่เราให้คำแนะนำมีการเติบโตเพียง 4% QoQ BA เป็นเจ้าของสนามบินสมุยและครอบครองตารางบินถึง 88% (36 เที่ยวบินจาก 41เที่ยวบิน/วัน) ซึ่งมีการแข่งขันน้อยมาก ดังนั้น BA สามารถเรียกเก็บค่าโดยสารที่สูงกว่าและสามารถทำกำไรได้มากขึ้นกว่าเส้นทางบินอื่น ดังนั้นอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลน่าจะส่งผลให้ค่าโดยสารเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นได้บ้างในไตรมาส 3/61 นอกจากนั้นผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมันน่าหนุนการเติบโตของรายได้อีกทางหนึ่งด้วย

ด้านต้นทุน แม้ว่าต้นทุนน้ำมันเครื่องบินของ BA จะสูงขึ้น QoQ อยู่ที่ 83 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (จาก 75เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาส 2/61) สอดคล้องกับต้นทุนน้ำมันตามที่ได้ทำการปองกันความเสี่ยงไว้ที่สูงขึ้น (67% ของปริมาณการใช้น้ำมันเครื่องบินที่ 82 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) ซึ่งยังคงเป็นระดับที่ต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของราคาซื้อขายน้ำมันเครื่องบินในตลาดตั้งแต่ต้นไตรมาส 3/61 จนถึงปัจจุบันที่ 85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เราคาดว่าการเติบโตของรายได้จะกลบผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนได้ ซึ่งจะหนุนให้ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น QoQ

นอกจากนี้มองว่า BA ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดในกรณีที่นักท่องเที่ยวจีนลดลง จากข้อมูลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่าอัตราการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือน ก.ค.ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 2.8%YoY (เทียบกับอัตราการเติบโตที่ 12.5%YoY ในช่วงครึ่งแรกปี 2561) เป็น 3.2 ล้านคน เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง (ลดลง 0.9%YoY มาอยู่ที่ 9.3 แสนคน เนื่องจากเหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต) และนักท่องเที่ยวยุโรป (ลดลง 1.7%YoY มาอยู่ที่ 4.5 แสนคน เนื่องจากการแข่งขันฟุตบอล FIFA World Cup) หากนักท่องเที่ยวจีนยังลดลงอย่างต่อเนื่อง BA น่าจะได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเปรียบเทียบกับกลุ่มสายการบินที่เราให้คำแนะนำ จำนวนผู้โดยสารชาวจีนคิดเป็น 9% ของจำนวนผู้โดยสารรวมของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 เทียบกับ 18% สำหรับ AAV และ 10% สำหรับ THAI

บล.บัวหลวง ยังมองว่า BA จะเสริมความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องด้วยการขยายเส้นทางการบินที่แตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งการแข่งขันน้อยและเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินไปยังเส้นทางยอดนิยม กลยุทธ์ทั้งสองนี้นอกจากจะช่วยดึงดูดผู้โดยสารใหม่ ๆ ยังจะช่วยเพิ่มรายได้ผู้โดยสารต่อหน่วยอีกด้วย ในปี 2562 BA วางแผนที่จะเปิด 3 เส้นทางการบินใหม่ ได้แก่ กรุงเทพ-แคม รานห์ (เมืองชายทะเลในเวียดนาม), เชียงใหม่-กระบี่, เกาะสมุย-ไทเป และเพิ่มเที่ยวบิน กรุงเทพ-ดานัง (จาก 7 เป็น 14 เที่ยวบิน/สัปดาห์) อัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารเส้นทาง กรุงเทพ-ดานัง อยู่ที่ 80%+ ในช่วงเจ็ดเดือนที่ผ่านมาของปี 2561