ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 300 จุด หุ้นเทคโนโลยีเด้ง

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 300 จุด หรือ 0.92% จากหุ้นเทคโนโลยีเด้งขึ้น  หุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันดิบที่ยังคงเพิ่มขึ้น รับแรงหนุนจากดัชนีภาคบริการเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 61.9 สูงกว่า 60.0 ที่นักวิเคราะห์คาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์วันที่ 5 ต.ค. 2564 ปิดที่ 34,314.67 จุด เพิ่มขึ้น 311.75 จุด หรือ 0.92% จากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจากที่ลดลงเมื่อวานนี้ รวมทั้งหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันดิบที่ยังคงเพิ่มขึ้น

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,345.72 จุด เพิ่มขึ้น 45.26 จุด, +1.05%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,433.83 จุด เพิ่มขึ้น 178.35 จุด, +1.25%

หุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้น 1.42% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.77% หุ้นแอมะซอน เพิ่มขึ้น 0.98% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 5.21% หุ้นทวิตเตอร์ เพิ่มขึ้น 2.47% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 2% หุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 2.06% หลังจากเฟซบุ๊ก อินสตาแกรมและ WhatsApp กลับมาใช้ได้หลังจากระบบล่มที่ผู้ใช้บริการทั่วโลกไม่สามารถใช้งานได้นานเกือบ 6 ชั่วโมง

หุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาที่ 79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยหุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.09% หุ้นเอนเฟส เอ็นเนอร์จี้เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 3.08% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน เพิ่มขึ้น 1.65%

ตลาดยังได้รับแรงหนุนปัจจัยบวกจากรายงานดัชนีภาคบริการเดือนกันยายนของสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ที่เพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 61.9 สูงกว่า 60.0 ที่นักวิเคราะห์คาด และส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งกลุ่มธนาคาร กลุ่มเดินเรือสำราญ กลุ่มสายการบิน โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 3.16% หุ้นเจพีมอร์แกน เพิ่มขึ้น 1.04% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป เพิ่มขึ้น 0.3% หุ้นนอร์วีเจียน ครูส ไลน์ เพิ่มขึ้น 1.09% หุ้นวอลมาร์ท เพิ่มขึ้น 0.66% หุ้นโฮมดีโปท์ เพิ่มขึ้น 0.91%

นักลงทุนยังจับตาการพิจารณาการขยายเพดานหนี้ของสภาคองเกรส และหากไม่ผ่านสภาคองเกรสก็จะส่งผลให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขณะที่นางเจเนต เยลเลน รัฐมนตรีคลังเตือนว่า หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติเศรษฐกิจจะถดถอย

นักลงทุนบางส่วนเชื่อว่า ตลาดหุ้นจะยังคงปรับขึ้นต่อเนื่องเพราะเศรษฐกิจยังฟื้นตัวจากการระบาดของโควิดต่อเนื่อง ขณะที่จับตาการรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกันยายนในวันศุกร์นี้ ซึ่งผลสำรวจนักวิเคราะห์ของ FactSet การจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 475,000 ตำแหน่ง จากที่เพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มธนาคารที่เพิ่มขึ้น 3.4% ส่วนกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 2.1%

ไอเอชเอสมาร์กิต รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(Purchasing Managers’ Index)โดยรวมขั้นสุดท้ายเดือนกันยายนของยูโรโซนอยู่ที่ 56.2 ลดลงจาก 59.0 เดือนสิงหาคม
ในฝรั่งเศส ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 1%สูงกว่า 0.3% ที่นักวิเคราะห์คาด
ในอิตาลี GDP ไตรมาสสองขยายตัว 17.2% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ลดลงเล็กน้อยจาก 17.3% คาดการณ์ครั้งแรก

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 456.03 จุด เพิ่มขึ้น 5.26 จุด, +1.17%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,077.10 จุด เพิ่มขึ้น 66.09 จุด, +0.94%
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,576.28 จุด เพิ่มขึ้น 98.62 จุด, +1.52%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,194.49 จุด เพิ่มขึ้น 157.94 จุด, +1.05%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 78.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่เดือนวันที่ 21 ตุลาคม 2014 ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 82.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2018
ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 7 ปี เป็นวันที่สองหลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และชาติพันธมิตร มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรลต่อวัน