บล.ทรีนีตี้ คาดกนง.คงดอกเบี้ย 1.5%จนถึงสิ้นปี ยก 3 ปัจจัยสนับสนุน การลงทุนในหุ้นยังน่าสนใจ แต่รอให้ย่อแถว 1670 และ 1650 จุด
บล.ทรีนีตี้ ออกบทวิเคราะห์ คาดว่าประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)จะมีมติคงดอกเบี้ยที่ 1.5% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ ทำให้ตลาดทุนยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากกว่าการลงทุนอื่นๆ แต่ต้องอยู่ในระดับที่น่าสนใจด้วย ซึ่งยังไม่เกิดขึ้นตราบใดที่ประมาณการกำไรของบจ.ในตลาดยังไม่ถูกปรับขึ้น
นอกจากนั้น การที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำนี้ อาจทำให้กระแสทุนต่างชาติจะยังไม่ไหลเข้ามาในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง ณ ขณะนี้ของไทยยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าภูมิภาค
“แนะนำนักลงทุนที่ขายหุ้นไปแล้วแถว 1700-1720 จุด ให้รอแนวรับที่น่าสนใจของเดือนนี้ บริเวณดัชนี 1670 และ 1650 จุด โดยประเมินว่าดัชนีจะไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ของเดือนส.ค. เนื่องจากประมาณการกำไรต่อหุ้นของตลาดเริ่มถูกปรับลดลงตามลำดับ จนทำให้มูลค่าแพงขึ้นโดยอัตโนมัติ “บล.ทรีนีตี้ระบุ
ส่วนเหตุผลที่คาดว่ากนง.ยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ มาจาก 3 ปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ 1.การส่งออกของไทยที่เริ่มได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันการค้า โดยตัวเลขส่งออกเดือนก.ค.ขยายตัวต่ำกว่าคาด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกไปยังสหรัฐฯที่หดตัวลง 1.9% ถือเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 21 เดือน หากดูในรายละเอียดจะพบว่าสินค้าที่ส่งออกลดลงเป็นสินค้าที่ถูกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ อาทิเช่น แผงโซลาร์เซลล์ เครื่องซักผ้า และเหล็ก
2.รายงานการประชุมกนง.ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 ส.ค. มีโทนที่ Dovish มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยกนง.คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงมีความเสี่ยงด้านต่ำ และแรงส่งของอุปสงค์ในประเทศยังคงเผชิญกับความท้าทายจากภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ส่งผลกระทบต่อการปรับค่าจ้าง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของภาคครัวเรือนในช่วงถัดไป นอกจากนั้น ภาคธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น หากภาวะการเงินตึงตัวขึ้น
3.ผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลของวันที่ 22 ส.ค.ที่มีกระแสตอบรับดีมาก โดยมีอัตราส่วน Bid-to-Cover ถึง 2.43 ถือเป็นระดับสูงที่สุดในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา บ่งชี้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงคาดการณ์ว่ากนง.จะยังมีมติคงดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐอเมริกา ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด เปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.75-2% แต่ส่งสัญญาณว่ามีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้ หากเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป