บล.เคจีไอ แนะ “ซื้อ” SAAM …เปิดจุดเด่น 3 มิติ

HoonSmart.com>>เคจีไอ แนะ “ซื้อ” SAAM มอง 3 จุดเด่น “รายได้ประจำไม่ผันผวน , รายได้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าเพื่อขายในญี่ปุ่น -ธุรกิจใหม่บริหารจัดการผ้ารพ. และการเงินแข็งแกร่ง” 

วันที่ 16 ก.ย.นี้ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะนำหุ้นเด่น บริษัท เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ (SAAM) เป้าพื้นฐาน 8.20 บาท

ประเมินแนวรับ 5.8 บาท แนวต้าน 6.5 บาท หากผ่านแนวต้านนี้ไปได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 7.0-7.5 บาท Stop loss 5.6 บาท

ประเด็นสำคัญการลงทุนหุ้น SAAM

1.เตรียมรับรู้รายได้จากธุรกิจพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล 10 โครงการที่ญี่ปุ่น มูลค่ารวม 1,000 ล้านเยน ทยอยรับรู้รายได้ 2 ปี คาดเริ่มรับรู้รายได้ Q4/64 (หุ้น CV เป็นลูกค้า)

2. ธุรกิจ Business Solution โดยใช้ Big Data คาดเปิดดีลโครงการบริหารจัดการผ้าในโรงพยาบาล ภายในปีนี้ 10 โรงพยาบาล

3. DE ratio ต่ำเพียง 0.43 เท่า และคาดลดลงอีกในปี 2565 เพราะคาดกำไรโต 160% YoY  และสมมติฐานการใช้สิทธิแปลงสภาพ SAAM-W1

4. โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลอีก 2 โครงการที่ญี่ปุ่น พัฒนาเสร็จแล้ว รอปิดการขาย มูลค่า 400 ล้านเยน  เป็น Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการ

นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินหุ้น SAAM มีจุดเด่น 3 มิติ คือ

1) Recurring income: มีธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดประจำทุกปี ไม่ผันผวน

2) Growth drivers: ปี 2564 – 66 รับรู้รายได้จากธุรกิจพัฒนาโครงการพลังงานทดแทน (เพื่อขาย) และปีนี้เริ่มธุรกิจ Business solutions โดยใช้ Big data

3) สถานะทางการเงินแข็งแกร่ง DE ratio ต่ำเพียง 0.43 เท่า

Recurring income: ฐานรายได้และกำไรที่มั่นคงทุกปี

รายได้ที่เป็น Recurring income มาจาก “ธุรกิจจัดหาสถานที่ตั้งและให้บริการ” ซึ่ง SAAM เป็นผู้ลงทุนจัดหาสิทธิในการใช้ที่ดิน เพื่อให้ลูกค้าใช้เป็นที่ตั้งโครงการโซลาร์ฟาร์ม รวมถึงให้บริการที่เกี่ยวข้องภายในโครงการตามอายุสัญญา (20 และ 25 ปี แล้วแต่กรณี) จำนวน 17 โครงการ

นอกจากนี้ SAAM ยังมีการลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มกำลังการผลิต 2MW (ถือหุ้น
100%) ซึ่งรายได้จากส่วนนี้สร้าง EBITDA เฉลี่ยปีละ +30 ล้านบาท

Growth drivers: ธุรกิจพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนและงาน Business solutions

1) Growth driver แรก: SAAM รับงานบริการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล
ที่ประเทศญี่ปุ่น 10 โครงการ (กำลังการผลิตรวม 100MW) กับทาง บริษัท โคล
เวอร์ พาวเวอร์  (CV) โดยมีมูลค่ารวม 1 พันล้านบาทเยน (คิดเป็น 295 ล้านบาท อิงอัตราแลกเปลี่ยน 29.5 บาท/100 เยน)

คาดว่า SAAM จะเริ่มรับรู้รายได้ในเฟสแรก (6 โครงการ) ภายใน 4Q64 โดย
สมมติฐานทยอยรับรู้รายได้ 30% ใน 4Q64 และที่เหลืออีก 70% คาดทยอยรับรู้
ภายใน 3Q65 สำหรับการรับรู้รายได้เฟสที่ 2 (4 โครงการ) ประเมินอยู่ในกรอบ
ช่วงเวลา 4Q65 – 3Q66

สำหรับธุรกิจพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนของ SAAM นี้ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลอีก 2 โครงการ(โครงการ Oita) ที่เป็น Upside มูลค่ารวม 2 โครงการราว 400 ล้านเยน (คิดเป็น 118 ล้านบาท อิงอัตรา แลกเปลี่ยน 29.5 บาท/100 เยน) รอปิดการขาย โดยได้รับอนุมัติสนับสนุนค่าไฟฟ้าฟ้าแล้ว ซึ่งเรายังไม่รวมโครงการ Oita ในประมาณการฯ

2) Growth driver ที่ 2 : SAAM เริ่มธุรกิจปรับปรุงประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการ โดยใช้เทคโนโลยี (Big data) ในการวิเคราะห์ (ธุรกิจ Business solutions) ข้อมูลจากการประชุมนักวิเคราะห์ ธุรกิจใหม่นี้จะเริ่มต้นที่การเข้าบริหารจัดการผ้าในโรงพยาบาล  ช่วยโรงพยาบาลประหยัดค่าใช้จ่ายได้

สมมติฐานมีกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล กลุ่มแรก 10 โรงพยาบาล ตัดสินใจใช้บริการนี้ของ SAAM ภายในปลายปีนี้ และกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล จะเพิ่มเป็น 50 แห่งภายในปี 2565  มีโอกาสที่ SAAM จะใช้ระบบนี้หากลุ่มลูกค้ากลุ่มอื่น ๆ นอกจากลูกค้าโรงพยาบาล ในอนาคต อาทิ โรงแรม สปา โรงงานอุตสาหกรรม สนามบิน เป็นต้น

สถานะทางการเงินแกร่ง DE ตํ่า
ปัจจุบัน ณ สิ้นไตรมาส 2Q64 อัตราส่วน DE ของ SAAM ต่ำเพียง 0.43 เท่า ประเมินอัตราส่วน DE จะยิ่งต่ำลงไปอีกในปี 2565 เนื่องจากคาดกำไร 111 ล้านบาท และมีการแปลงสภาพ SAAM-W1 อีก 30 ล้านหน่วยที่ราคา 7.5 บาท)

ด้วยอัตราส่วน DE ที่ต่ำและกระแสเงินสดที่มาก  มีโอกาสที่จะขยายการลงทุนเพิ่มเติม และ/หรือ ขยายการลงทุนใหม่ ๆ

แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 8.2 บาท/หุ้น ประเมินมูลค่าเหมาะสม SAAM (ปี 2565) ด้วยวิธี DCF ได้เท่ากับ 8.2 บาท (WACC 6.8%, Terminal growth 3.5%) โดยคิดเป็นเป้าหมาย Forward PE ปี 2565 = 27 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นในกลุ่ม Business solutions ที่เฉลี่ยที่ +28 เท่า

ทั้งนี้เราคำนวณราคาเป้าหมายโดยอิงการแปลงสภาพ SAAM-W1 ในปี 2565 (Fully diluted) แต่ยังไม่รวมการแปลงสภาพ SAAM-W2 เนื่องจาก ราคาเป้าหมายที่คำนวณได้ยังต่ำกว่าราคาใช้สิทธิที่ 11 บาท