MORE ขาย “มอร์ เมดดิคัล-ธุรกิจอสังหาฯ” เพิ่มทุน 3 พันลบ.ลุยแร่กรองน้ำ

HoonSmart.com>> “มอร์ รีเทิร์น” ปิดดีลขายหุ้น “มอร์ เมดดิคัล” ให้ HEMP มูลค่า 200 ล้านบาท แลกถือหุ้นใหญ่ 36.07% หวัง Synergy ธุรกิจ มั่นใจ Win-Win ทั้งสองฝ่าย ได้พันธมิตรช่วยต่อยอดธุรกิจ ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม หนุนบริษัทฯ มุ่งสู่ธุรกิจสาธารณูปโภคได้ชัดเจน หวังขึ้นเป็นผู้นำให้บริการน้ำครบวงจร หนุน “เทิร์นอะราวด์” ตามแผน พร้อมขายธุรกิจอสังหาฯ มูลค่า 250 ล้านบาท ให้ “ศิวพร ตั้งจิตตพร” ยกเลิกขาย PP 3 พันล้านหุ้น ปรับแผนขาย PP “เมย์พลัส 2005” มูลค่า 3 พันล้านบาท ลุยแร่กรองน้ำไพโรลูไซต์

ดร.อมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ

ดร.อมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มอร์ รีเทิร์น (MORE) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2564 ได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการจำหน่ายเงินลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพร ของบริษัท มอร์ เมดดิคัล จำกัด (MMD) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทที่ บริษัทถือหุ้น 99.99% ของจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนและชำระแล้วของ MMD จำนวน 249,998 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ใน MMD ให้แก่ บริษัท เฮลท์ เอ็มไพร์ คอร์ปอเรชั่น (HEMP) ในราคาไม่เกิน 200 ล้านบาท รวมถึงการเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้น ข้อตกลง สัญญาอื่น ๆ และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหุ้นสามัญของ MMD

“มูลค่าสิ่งตอบแทนจำนวน 200 ล้านบาท เป็นมูลค่าที่ตกลงเจรจากันระหว่าง MORE และ HEMP โดยบริษัทฯ พิจารณาราคาซื้อขายประกอบกับวิธีการประเมินมูลค่าหุ้นที่เหมาะสมของ MMD ด้วยวิธีมูลค่าปัจจุบันสุทธิของกระแสเงินสด (DCF)ซึ่งได้คำนึงถึงศักยภาพ และความสามารถในการทำกำไรของกิจการในอนาคต โดยมูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้นของ MMD จากการประเมินมูลค่าอยู่ประมาณ 367 ล้านบาท แต่เป็นมูลค่าที่จะเกิดขึ้นหาก MMD ได้รับเงินลงทุนเพิ่มเติมและมีผลประกอบการเป็นไปตามที่คาดหมาย นอกจากนี้ เงินลงทุนใน MMD มีมูลค่าทางบัญชีตามงบการเงินของบริษัท ณ วันที่ 30 มิ.ย.2564 เท่ากับ 0 บาท ดังนั้น บริษัทจึงพิจารณามูลค่าสิ่งตอบแทนจำนวน 200 ล้านบาท มีความสมเหตุสมผล” ดร.อมฤทธิ์ กล่าว

สำหรับ HEMP จะออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ HEMP จำนวนไม่เกิน 1,655,262,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขาย 0.12083 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 200 ล้านบาท ให้แก่บริษัท เพื่อชำระเป็นค่าตอบแทนสำหรับการซื้อหุ้นสามัญของ MMD แทนการชำระด้วยเงินสด ซึ่งเป็นราคาที่ตกลงเจรจากันระหว่างบริษัทฯ กับ HEMP โดยพิจารณาว่าราคาดังกล่าวเป็นราคาที่สูงกว่ามูลค่าทางบัญชีของ HEMP ณ วันที่ 30 มิ.ย.2564 เท่ากับ 0.05 บาทต่อหุ้น แต่ก็ต่ำกว่าราคาตลาดค่อนข้างมากแม้ว่าราคาตลาดเป็นผลของการซื้อขายในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น อาจจะไม่สะท้อนถึงพื้นฐานและมูลค่าที่แท้จริงของกิจการ แต่บริษัทก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลจากการดำเนินงานของธุรกิจของ HEMP และ MMD อีกทั้ง Capital Gain หลังจากพ้นกำหนด Silent Period 1 ปีแล้ว

นอกจากนี้ จำนวนหุ้นที่บริษัทได้รับคิดเป็น 36.07% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดภายหลังการเพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ HEMP ยังเป็นสัดส่วนการถือหุ้นที่มีนัยสำคัญที่จะสามารถกำหนดทิศทางของธุรกิจของบริษัทในอนาคตในเรื่องสำคัญได้

ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับบริษัทฯ คือ 1.ได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ HEMP เป็นจำนวน 1,655,262,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ดังนั้น บริษัทจะมีสิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นของ HEMP ซึ่งมีทิศทางในการดำเนินธุรกิจสมุนไพร และสุขภาพที่สามารถต่อยอดธุรกิจของ MMD ได้เป็นอย่างดีในอนาคต และสร้างผลตอบแทนสะท้อนมายังหุ้นของ HEMP และสร้างผลตอบแทนให้บริษัทได้ในอนาคต 2.บริษัทฯสามารถมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจของบริษัทไปยังสาธารณูปโภคได้อย่างชัดเจน และ 3.บริษัทฯ ไม่จำเป็นที่จะต้องลงทุนเพิ่มในธุรกิจของ MMD ทำให้สามารถรักษาทางการเงินสำหรับการดำเนินธุรกิจต่อไปในอนาคต ลดภาระทางการเงินและค่าใช้จ่ายทางการเงินที่เกี่ยวข้องได้

“คณะกรรมการบริษัทฯ เห็นว่าการขาย MMD ให้แก่ HEMP ในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อการขยายการเติบโตทางธุรกิจและสร้างพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท เพื่อสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินกิจการ และการบริหารงาน รายการดังกล่าวจึงมีความเหมาะสมและสมเหตุสมผล”ดร.อมฤทธิ์ กล่าว

ดร.อมฤทธิ์ กล่าวต่อว่าความร่วมมือของทั้งคู่ในครั้งนี้ ถือได้ว่า Win-Win ทั้งสองฝ่าย เพราะจะช่วยสร้าง Synergy ให้กับธุรกิจในอนาคต ซึ่งแต่ละฝ่ายมีความชำนาญอยู่แล้ว ขณะที่ MORE ก็มีแผนที่จะรุกธุรกิจเป็นผู้บริหารน้ำอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาให้กับชุมชนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ขายน้ำประปาให้กับโรงงานอุตสาหกรรม รวมไปถึงธุรกิจบำบัดน้ำ ผ่านบริษัทย่อย โดยปัจจุบันบริษัทได้รับสัมปทานโครงการวางระบบน้ำประปาเพื่อบริหารจัดการน้ำประปาบนเกาะเสม็ด ร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ระยะเวลา 25 ปี กำลังการผลิตได้ 10,000 คิว/วัน

ปัจจุบันดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำ ในอำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ผ่านบริษัท ปลวกแดง วอเตอร์ จำกัด โดย MORE ถือหุ้นในสัดส่วน 100% เพื่อดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำ ให้บริการชาวบ้านกว่า 3,000 ครัวเรือนที่มีความต้องการใช้น้ำประปา ระยะเวลาสัมปทาน 25 ปี กำลังการผลิตได้ 10,000 คิว/วัน ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) สนับสนุนผลการดำเนินงานในปีนี้เทิร์นอะราวด์ตามแผนงานที่วางไว้

นอกจากนี้ภายหลังที่ MORE ได้รับการจัดสรรหุ้นตามเพื่อตอบแทนการขายหุ้นสามัญของ MMD จะทำให้บริษัทฯ ซึ่งเป็นบุคคลในวงจำกัดได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเท่ากับ 1,655,262,500 หุ้น หรือคิดเป็น 36.07% ซึ่งเป็นผลให้จะทำให้บริษัทข้ามจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทที่ร้อยละ 25 และมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท

อย่างไรก็ดี MORE มีความประสงค์ที่จะขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทโดยอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของกิจการ (Whitewash) ตามประกาศสำนักงาน ก.ล.ต. โดยอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นในครั้งนี้ จะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยมติดังกล่าวมิให้นับรวมการออกเสียงของบุคคลตามมาตรา 258 แห่งพ.ร.บ. บริษัทมหาชนจำกัดของผู้ขอผ่อนผันหรือบุคคลที่กระทำการร่วมกัน (concert party) กับผู้ขอผ่อนผัน และบุคคลตามมาตรา 258 ของบุคคลดังกล่าว

ด้านคณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติให้ขายเงินลงทุนในบริษัท มอร์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (PROP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จำนวน 38.40 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 99.99% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของ PROP มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ในราคาจำหน่ายหุ้นละ 6.51 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 250 ล้านบาท ให้แก่ นายศิวพร ตั้งจิตตพร และบริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายเงินลงทุนใน PROP ในครั้งนี้เพื่อลงทุนในธุรกิจบริหารจัดการน้ำครบวงจร น้ำประปา บำบัดน้ำเสีย และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินกิจการของบริษัทต่อไป

ขณะเดียวกันคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการยกเลิกมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 9 ก.ย.63 วาระที่ 5 (1) เรื่องการอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้บุคคลเฉพาะเจาะจง (Private Placement) รวม 3,000 ล้านหุ้น ให้แก่ นายภัทรเดช พูลเกิด 1,000 ล้านหุ้น นายธนอรรถ ตรีธิติธัญ 1,000 ล้านหุ้น และนายเฉลิมพงษ์ มหาวาณิชย์วงศ์ 1,000 ล้านหุ้น เนื่องจากการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวนั้นมิได้ดำเนินการภายในกำหนดระยะเวลา 3 เดือนนับแต่วันที่มีมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น

บริษัทจะลดทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท จาก 503.79 ล้านบาท เป็น 353.79 ล้านบาท โดยการตัดหุ้นสามัญจดทะเบียนที่ยังไม่ได้จำหน่าย 3,000 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.05 บาท และให้เพิ่มทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เป็น 453.79 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 2,000 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.05 บาท เพื่อจัดสรรให้ PP จำนวน 1 ราย ได้แก่ บริษัท เมย์พลัส 2005 จำกัด ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.50 บาท คิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนแร่ไพโรลูไซต์แทนการชำระด้วยเงินสด ซึ่งผู้ลงทุนจะชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทด้วยแร่ไพโรลูไซต์แทนการชำระด้วยเงินสด (Payment in Kind)

ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนดังกล่าวผู้ลงทุนจะถือหุ้นในบริษัทรวมกันเป็นจำนวนไม่เกิน 2,000 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 23.44% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท (ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วของบริษัทหลังจากการออกเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้)

โครงการขายแร่กรองน้ำไพโรลูไซต์ เป็นโครงการที่สร้างประโยชน์ต่อส่วนรวมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โดยเป็นการบำบัดน้ำใช้และน้ำดื่มให้ได้น้ำที่มีมาตรฐานเหมาะสำหรับการใช้งานในด้านต่างๆ รวมทั้งด้านการอุปโภค ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมิใช่เป็นธุรกิจใหม่ แต่เป็นการต่อยอดจากธุรกิจเดิม จึงมีความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจตามโครงการตามที่เสนอ