LEO อัพเป้ารายได้ปีนี้ทะลุ 2พันล้านบ. กำไรนิวไฮ ลุยซื้อกิจการ

HoonSmart.com>> “ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์” ปรับเป้ารายได้ปี 64 โต 80-85% แตะ 2.1-2.2 พันล้านบาท แนวโน้มครึ่งหลังสดใส ธุรกิจเข้าไฮซีซั่น ค่าขนส่งเรือ-อากาศอยู่ในระดับสูง  โครงการ Self Storage-Container Depot แห่งที่ 2 เตรียมเปิดไตรมาส 4  สรุปดีลขนส่งทางอากาศฃภายในปีนี้ ส่วนปี 65 เพิ่มดีลใหม่ทั้งไทย-เวียดนาม-อินโดนีเซีย ดันรายได้โตทะลุเป้า 20-25%

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับเป้าหมายรายได้ในปี 2564 เพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 80-85% หรือมีรายได้อยู่ที่ 2,100-2,200 ล้านบาท จากดดิมตั้งไว้เติบโต 40-45% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,129.13 ล้านบาท  เพื่อให้สอดคล้องแนวโน้มธุรกิจที่ดีต่อเนื่อง ทั้งค่าระวางเรือที่คาดว่าจะอยู่ในดับสูงไปจนถึงในช่วงกลางปี-ปลายปี 2565 รวมถึงค่าขนส่งทางอากาศที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งทางเรือและทางอากาศของลูกค้ามีจำนวนมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย

นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 3 เริ่มเข้าสู่ช่วงที่มีขนส่งสูง (High Season) และในช่วงเดือน พ.ย.โปรโมชั่น 11.11) ของแพลตฟอร์มธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะมีการแข่งขันในด้านปริมาณการขาย ทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการเป็นขนส่งสินค้าจากประเทศจีนไปทั่วโลก นอกจากนี้บริษัทฯจะเริ่มรับรู้รายได้จากความร่วมมือกับ China post ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศไทย-จีน ตั้งแต่ไตรมาส 3

บริษัทได้มีการจัดตั้งบริษัท คาร์ดินัล มาริไทม์ (ประเทศไทย) ที่ร่วมลงทุนกับ Cardinal UK โดยบริษัทถือหุ้น 51% ปัจจุบันได้มีการโอนเงินลงทุนเข้ามาเพื่อจัดตั้งบริษัทเรียบร้อยแล้ว พร้อมให้บริการในเดือน ต.ค.นี้ ทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 เต็มไตรมาส

สำหรับเงินลงทุนในปีตั้งไว้ที่ 200-300 ล้านบาท โดยใช้ลงทุนรวมประมาณ 170 ล้านบาท ในโครงการบริการห้องเก็บของส่วนบุคคล (Self Storage) แห่งที่ 2 และ ลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ (Container Depot) แห่งที่ 2 ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้ คาดว่าจะเปิดได้ในช่วงไตรมาส 4  ส่วนเงินลงทุนที่เหลือจะใช้เพื่อหาโอกาสในการเติบโตใหม่ โดยมีการเจรจาผู้ประกอบการขนส่งทางอากาศ คาดว่าจะรู้ผลชัดเจนภายในปี 2564

แนวโน้มในปี 2565 คาดว่าจะรู้ผลสรุปของการเข้าซื้อกิจการในประเทศไทย ปัจจุบันเจรจาอยู่ประมาณ 1-2 ราย รวมถึงโอกาสการลงทุนใหม่ๆที่ประเทศเวียดนาม และอินโดนีเซียเพิ่มเติมด้วย เพื่อทำให้เป้าหมายรายได้มีการเติบโตที่ดีกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ โดยปกติบริษัทจะตั้งเป้ารายได้เติบโตปีละ 20-25%

” เราได้รับผลกระทบในเชิงบวกจากโควิด ทำให้อัตราค่าขนส่งอยู่ในระดับที่สูง แต่การทำงานก็มีปัญหาอยู่บ้าง เจอตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนบ้าง ซึ่งเราเชื่อว่าด้วยจุดแข็งของเราการบริหารความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้บริษัทฯสามารถจัดหาพื้นที่และตู้คอนเทนเนอร์ในการส่งสินค้าได้ตามความต้องการของผู้ส่งออก จึงทำให้มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นและรายได้ก็เพิ่มขึ้น  เราจะรักษาอัตรากำไรสุทธิให้ไม่ต่ำกว่า 7% ไว้ และกำไรสุทธิทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง” นายเกตติวิทย์ กล่าว