HoonSmart.com>> หุ้นทั่วโลก-ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงยกแผง บล.เอเซีย พลัส เผยเฟดหนุนความเชื่อลดคิวอีจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ ฟันด์โฟลว์จะยังไม่ไหลกลับเอเชีย หรือไหลออกต่อ คาดกดดันดัชนีอยู่ที่ 1,437 จุด เงินบาทอ่อนบวกต่อกลุ่มส่งออก KCE-NER-TU บอนด์ยีลด์เพิ่มหนุน BLA บล.หยวนต้าชวนซื้อหุ้น SCC ได้ดีจากราคาน้ำมันลงแรง หุ้นไทยลงแค่ 0.49% เล่นธีมเปิดเมือง ลุ้นคลายล็อกดาวน์ก.ย.นี้
ตลาดหุ้นสหรัฐ 3 แห่งร่วงนำมากกว่า 1% และดาวโจนส์ล่วงหน้ายังไหลลงแรงต่อกว่า 300 จุด ฉุดตลาดหุ้นเอเชีย และยุโรปไหลลง 1-2% รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์นำโดยราคาน้ำมันดิบ วันที่ 19 ส.ค. 2564 หลังจากธนาคารกลางสหรัฐเปิดรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 27-28 ก.ค. ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ คิวอี (QE Tapering)ในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อแล้ว และการจ้างงานก็ใกล้จะอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ให้รอดูประชุมที่แจ็กสัน โฮล 26-28 ส.ค.นี้
บล.เอเซียพลัสวิเคราะห์ว่า เฟดส่งสัญญาณลดคิวอีในปีนี้ ปัจจุบันเฟดกำหนดวงเงินคิวอีจำนวน 1.2 แสนล้านเหรียญ/เดือน ขณะที่กนง.ของไทยมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายต่อ เชื่อว่าเงินทุนจากต่างประเทศจะยังไม่ไหลกลับมาเอเชียรวมถึงไทย หรืออาจมีการไหลออกได้ต่อ ดังนั้นทิศทางตลาดขึ้นอยู่กับเม็ดเงินในประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันไทย
ทั้งนี้หากอ้างอิง Pattern ช่วงที่มีความกังวลว่าจะเกิดการยกเลิกคิวอีไปจนถึงยกเลิกมาแล้ว 1 ปี (ประมาณ 2 ปีกว่าๆ ตั้งแต่ปลายเดือนพ.ค. 2556 ไปจนถึง ก.ย. 2558) พบว่าเงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทยสูงถึง 3.3 แสนล้านบาท กดดันตลาดปรับฐานราว 16% และค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง 21% (ขึ้นไปเกิน 36 บาท/ดอลลาร์) ดังนั้นหากคิดกับประมาณการกำไรต่อหุ้นในปี 2564 ที่ 73.60 บาท/หุ้น ทำให้ดัชนีถูกดันกว่า 115 จุด อยู่ที่ 1,437 จุด
แนวโน้มตลาดหุ้นโลกผันผวนและอาจปรับฐานช่วงสั้น แนวโน้มบอนด์ยีลด์สหรัฐคาดจะกลับเป็นขาขึ้น รวมถึงบอนด์ยีลด์ไทยปรับขึ้นตาม ส่งผลบวกต่อ หุ้น BLA ขณะที่ดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าต่อ หนุนค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าทะลุขึ้นไปยืน 34 บาทต่อดอลลาร์ได้ โดยรวมยังเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก อาทิ KCE , NER TU ฯลฯ
บล.หยวนต้า วิเคราะห์ว่าตลาดหุ้นสหรัฐลดลงเฉลี่ยราว 1% ทั้งสามตลาด และราคาน้ำมันดิบไหลลงต่อเนื่อง เพราะความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจชะลอตัว
“เราแนะนำเก็งกำไรหุ้น SCC ได้ประโยชน์จากแนวโน้มราคาน้ำมันลง ต้นทุนการผลิตปิโตรเคมีลดลง ทำให้ส่วนต่างสเปรดเพิ่มขึ้น มูลค่าหุ้นไม่แพงเทรที่ P/E ปีนี้เพียง 10 เท่า และให้อัตราผลตอบแทนปันผล 5%ต่อปี”บล.หยวนต้าระบุ
ด้านตลาดหุ้นไทยวันที่ 19 ส.ค. เปิดตลาดลดลงเล็กน้อย ระหว่างวันตีกลับเป็นบวกได้ก่อนที่จะปิดที่ 1,544.28 จุด ลดลง 7.59 จุด หรือ -0.49% มูลค่าการซื้อขาย 78,153.87 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,553.90 จุด ต่ำสุด 1,543.75 จุด
แรงซื้อมาจากนักลงทุนไทย 1,030 ล้านบาท รองลงมานักลงทุนต่างชาติ 515.70 ล้านบาท ขณะที่สถาบันไทยขาย 893 ล้านบาทและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขาย 652.73 ล้านบาท
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงน้อยกว่าตลาดต่างประเทศ เนื่องจากนักลงทุนเข้าไปซื้อหุ้นขนาดใหญ่ รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มทรงตัว คาดว่าจะมีข่าวดีเรื่องการคลายล็อกดาวน์ในเดือนก.ย.นี้ หลังจากคาดว่าตัวเลขจะขึ้นไปพีดสุดปลายเดือนส.ค.หรือต้นก.ย.นี้