บล.คิงส์ฟอร์ดวางแนวรับ 1,540 – 1,550 จุด

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,540 – 1,550 จุด ยืนได้เดินหน้าทดสอบแนวต้าน 1,560 – 1,565 จุด ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วง แนะเก็งกำไร STARK-MINT

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด คาดแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ วาง Filter แนวรับดัชนี SET ที่ 1,540 – 1,550 หากยืนได้มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,560 – 1,565 รอประเมินมาตรการควบคุม Covid-19 ขณะที่แรงขายจากต่างชาติกรณีลด QE มีน้ำหนักน้อย โดย YTD ต่างชาติขายหุ้นไทย 1.05 แสนล้านบาท แนะนำเก็งกำไร PSL, TTA, OR

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.08%, S&P500-1.07%, Nasdaq -0.89%หุ้นกลุ่มพลังงาน -2.4% กลุ่มบริการสุขภาพ -1.5% หลังการประชุมเฟด ก.ค. ที่ผ่าน คณะกรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นควรเริ่มลด QE ในปีนี้ หลังสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อและการจ้างงานระดับน่าพอใจ ส่วนรายงานตัวเลขเริ่มสร้างบ้าน ก.ค. -7.0% สู่ระดับ 1.534 ล้านยูนิต ต่ำกว่าคาด 1.6 ล้านยูนิต จากผลกระทบราคาวัสดุปรับขึ้น

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.14% ได้แรงซื้อจากกลุ่มหุ้นปลอดภัย เช่น สาธารณูปโภคและบริการสุขภาพ โดยกังวลการระบาดสายพันธุ์เดลต้าจะกระทบต่อหุ้นกลุ่มวัฏจักร เช่น ผู้ผลิตรถยนต์, เหมื่องแร่ และเดินทาง

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ แนะ STARK (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 5.00 บาท) งวด 2Q64 รายงานกำไรสุทธิ 524 ล้านบาท +23%YoY และ 1H64 กำไรสุทธิ 963 ล้านบาท +40%YoY ปัจจัยหนุนจากยอดขายที่ปรับตัวขึ้นจากโครงการภาครัฐและเอกชนที่ทยอยส่งมอบงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนสถานการณ์ COVID-19 บริษัทแจ้งว่ารับผลกระทบเล็กน้อยจากข้อจำกัดในการขนส่งและลูกค้าชะลอรับสินค้าแต่เป็นเหตุการณ์เพียงชั่วคราว โดยใน 2Q64 มีงานประเภท High Margin ที่ถูกเลื่อนส่งมอบคาดว่าจะส่งมอบได้ตามปกติในไตรมาสถัดไป

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 64 ยังคงเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังมี Backlog กว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นงานทั้งในและต่างประเทศ และล่าสุดเข้าลงทุน ไทย เอ็นคอม (TENCOM) ร่วมกับ พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล (PEA ENCOM) ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานและพลังงานทดแทน และการจัดการด้านพลังงาน ธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและการสื่อสาร ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ธุรกิจการตั้งศูนย์ข้อมูล เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตให้สอดคล้องกับแนวโน้มสถานการณ์โลกในปัจจุบัน

หุ้น MINT (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 34.00 บาท) ให้น้ำหนักที่ไปที่การฟื้นตัวเป็นหลัก โดยธุรกิจโรงแรมมี RevPAR ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย.64 ได้ปัจจัยหนุนจากการกระจายวัคซีนต่อเนื่องในยุโรป (ปัจจุบันมีผู้ฉีดวัคซีนในEU ที่อายุมากกว่า 18ปี แล้วอย่างน้อย 1 โดสราว 74.3% ของสัดส่วนประชากร) โดย Portfolio โรงแรมของ MINT มีสัดส่วนห้องในยุโรปราว 63% (ซึ่งปกติมี EU Demand ราว 75-80%)

ขณะที่ธุรกิจ Food ร้านอาหารในไทยได้รับผลกระทบหนักจากการการระบาดของ Covid-19 สายพันธ์เดลต้า แต่ร้านอาหารในจีนและออสเตรเลียเริ่มมีสัญญาณบวกจาก SSSG ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี 64 MINT จะขาดทุนลดลงจากปี63 ที่ EPS -4.71 บ./หุ้น มาเป็น -3.11 บ./หุ้น และปี65 พลิกมีกำไรอยู่ที่ 0.10 บ./หุ้น