บล.คิงส์ฟอร์ดคาดหุ้นวันนี้ย่อตัวแนวรับ 1,515 – 1,520 จุด จับตาศบค.วันนี้

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด คาดแนวโน้มหุ้นวันนี้ย่อตัวลงสู่แนวรับ 1,515 – 1,520 จุด คาดกำไรบจ.ไตรมาส 3 ชะลอตัวจากไตรมาสก่อน ติดตามศบค.ประชุมวันนี้ ด้านผู้ติดเชื้อยังสูงกว่า 2 หมื่นราย/วัน กลยุทธ์ลงทุนแนะกลุ่มโลจิสติกส์ หุ้นแนะนำวันนี้ WICE-TU

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินตลาดหุ้นวันนี้ ดัชนี SET มีแนวโน้มปรับตัวลดลงสู่แนวรับ 1,515 – 1,520 จุด จากแนวโน้มกำไร บจ. Q3 นี้อาจชะลอตัว QoQ ด้านสถานการณ์ระบาด Covid-19 มีจำนวนผู้ติดใหม่เฉลี่ยสูงกว่า 2 หมื่นราย/วัน วันนี้ติดตามการประชุม ศบค. มีข้อเสนอผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ให้บางกิจการในห้างสรรพสินค้าดำเนินการได้ เช่น ธนาคาร, ร้าน IT, เครื่องใช้ไฟฟ้า และสภาพัฒน์จะรายงาน GDP ไทย Q2/64 คาด -3.3% YoY หลังหดตัวต่อเนื่อง 6 ไตรมาส

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำกลุ่มโลจิสติกส์ เช่น WICE, TTA, PSL ได้แรงหนุนจากการค้าโลกขยายตัว

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ WICE (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมายเฉลี่ย IAA Consensus 12.90 บาท) ผลการดำเนินงาน 2Q64 กำไรขึ้นทำนิวไฮต่อเนื่อง 6 ไตรมาสติดกันที่ 111 ล้านบาท +37%QoQ, +102%YoY เนื่องจากปริมาณงานขนส่งทางเรือและการขนส่งทางบกข้ามพรมแดนเติบโตดี +418%YoY และ +100%YoY ตามลำดับ เป็นผลจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่เป็นตลาดหลักของบริษัททั้งสหรัฐฯ และจีน รวมถึงได้รับประโยชน์จาดค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน ขณะที่การส่งสินค้าข้ามแดนได้รับความนิยมและบริษัทได้มีการเพิ่ม Capacity ของจำนวนตู้สินค้าเพื่อรองรับงาน ส่งผลให้รายได้จากการบริการรวมอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท +32%QoQ, +64%YoY

สำหรับแนวโน้มการขนส่งในช่วง 2H64 คาดยังขยายตัวดีต่อเนื่องตามสภาพเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว การขนส่งทางเรือยังได้ประโยชน์จากค่าระวางที่ปรับตัวสูง ส่วนธุรกิจขนส่งข้ามพรมแดน ETL มีแนวโน้มเติบโตเด่นตามความนิยมและบริษัทเข้าไปถือหุ้นเพิ่มเป็น 51% ซึ่งมีแผนนำเข้าตลาดในระยะถัดไป ส่วนธุรกิจ Warehouse มีการขยายพื้นที่แห่งใหม่แถวบางนารองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ และ E-Commerce ซึ่งคาดว่าจะมีลูกค้าเข้าในบริการเต็ม 100% สิ้นปีนี้

หุ้น TU (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 24.30 บาท) กำไรสุทธิงวด 2Q64 โดดเด่นที่ 2,343 ลบ. +36.51%YoY, +29.95%QoQ เติบโตได้ดีจากแรงหนุนของยอดขายกลุ่มธุรกิจ Frozen & Chilled Seafood (+28.69%YoY)ที่ฟื้นตัวในสหรัฐฯ และยุโรปซึ่งร้านอาหารกลับมาเปิดได้ตามปกติ และยอดขายกลุ่มธุรกิจ Petcare & Value-added (+12.50%YoY)ที่ยังคงโมเมนตัมการเติบโตไว้ได้

สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานอนาคตยังคงมีปัจจัยบวกจาก1.กลุ่มธุรกิจ Petcare & Value-added 2.จากแนวโน้มการฟื้นตัวการดำเนินงานของ Red Lobster และ 3.การลงทนในธุรกิจที่มีความน่าสนใจ เช่น Alternative Protein เบื้องต้น เราคาดกำไรสุทธิ ปี 64 และ 65 ขึ้นมาอยู่ที่ 7,478 ลบ. (+19.72%YoY) และ 7,782 ลบ.(+4.07%YoY) อนึ่ง TU ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.45 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. Yield ราว 2% จากราคาปิด 21.70 บาท

 
 
อ่านข่าว

หุ้นโตเกียวเช้านี้ร่วงแรงกังวลโควิด-เอเชียส่วนใหญ่ลบ

ดาวโจนส์ปิดบวก 15 จุด ทิศทางข้อมูลเศรษฐกิจแตกต่างกัน

ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 65 เซนต์ ทองพุ่ง 26.40 ดอลลาร์