กลุ่ม ‘บ้านปู’ ซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซฯ Temple I ในสหรัฐฯ มูลค่า 1.4 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>> “กลุ่มบ้านปู” ทุ่มกว่า 1.41 หมื่นล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 100% โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในรัฐเท็กซัส สหรัฐฯ กำลังผลิต 768 เมกะวัตต์คาดดำเนินการตามเงื่อนไขเสร็จในไตรมาส 4/64 เป็นกำลงผลิตของ “BPP” ตามสัดส่วนลงทุน 384 เมกะวัตต์

บริษัท บ้านปู (BANPU) เปิดเผยว่าว่า BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่ถือหุ้นในอัตรา 96.3% และ Banpu Power US Corporation (BPPUS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ที่ถือหุ้นในอัตรา 100% ได้ร่วมกันจัดตั้งบริษัท BKV-BPP Power LLC (BKV-BPP) โดย BKV และ BPPUS ถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่ากัน คือ 50% เมื่อวันที่ 10 ส.ค.2564 บริษัท BKV-BPP Power LLC ได้ลงนามในสัญญาเพื่อเข้าซื้อหุ้นในอัตรา 100% ในบริษัท Temple Generation Intermediate Holdings II, LLC ซึ่งถือหุ้น 100% ในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ตั้งอยู่ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าการลงทุนรวม 430 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือ เทียบเท่า 14,147 ล้านบาท

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนตามเงื่อนไขในสัญญาซื้อขาย โดยเงินลงทุนสำหรับโครงการนี้มาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ และการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน โดยการลงทุนดังกล่าวอยู่ในระหว่างปฎิบัติตามเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องในสัญญาคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ปี 2564

โรงไฟฟ้า Temple I เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง มีขนาดกำลังการผลิต 768 เมกะวัตต์ (โดยเป็นกำลังการผลิตของ BPP ตามสัดส่วนการลงทุน 384 เมกะวัตต์) เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2557 ตั้งอยู่ในรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์รวมเศรษฐกิจและประชากรที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี Combined Cycle Gas Turbines หรือ CCGT ที่มีประสิทธิภาพสูง มีการติดตั้งระบบการจัดการมลภาวะให้อยู่ในระดับต่ำ มีความยืดหยุ่นในการเดินเครื่องเพื่อผลิตไฟฟ้าให้สอดรับกับรูปแบบความต้องการใช้ไฟฟ้า มีความยืดหยุ่นในการเดินเครื่องเพื่อผลิตไฟฟ้า ให้สอดรับกับรูปแบบความต้องการใช้ไฟฟ้า อยู่ในลำดับการเรียกจ่ายไฟฟ้า (merit order) ที่ดี ซึ่งเหมาะกับสภาพและการแข่งขันในตลาดซื้อขายไฟฟ้าแบบเสรีของ Electric Reliability Council of Texas หรือ ERCOT

อีกทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติแห่งนี้เป็นโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการผลิตอยู่แล้ว จึงสามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที โดยการลงทุนในครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการดำเนินตามแผนกลยุทธ์เพื่อสร้างรากฐานการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าในประเทศสหรัฐอเมริกา และยังเป็นการก้าวสู่ตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่มีความก้าวหน้าและเป็นตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่เปิดเสรีอีกด้วย และเป็นการลงทุนเพื่อการสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายกำลังการผลิต 5,300 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 โดยมองหาโอกาสการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในตลาดที่มีความเติบโตของความต้องการใช้ไฟฟ้าและมีนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาล

การลงทุนในครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสําคัญในการดําเนินตามแผนกลยุทธ์เพื่อสร้างรากฐานการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าในประเทศสหรัฐอเมริกา และยังเป็นการก้าวสู่ตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่มีความก้าวหน้าและเป็นตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่เปิดเสรีอีกด้วย และเป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter ของบริษัทฯ รวมทั้งเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านขององค์กร (Banpu Transformation) ให้ก้าวลํ้านําหน้าและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน สามารถตอบสนองความต้องการพลังงานแห่งอนาคตเพื่อส่งมอบอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน (Smarter Energy for Sustainability)

การร่วมลงทุนในครั้งนี้เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการผนวกกําลัง (synergy) ระหว่าง BKV และ BPP ซึ่งทั้งสองบริษัทฯ เป็น Flagship ที่สําคัญภายใต้กลุ่ม BANPU โดยผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และทรัพยากรที่มีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการลงทุน ซึ่ง BKV 1 ใน 20 ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการดําเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติทั้งการบริหารจัดการ (Operational management) แหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ การติดต่อประสานงานกับทางภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านธุรกิจพลังงาน รวมไปถึงการดูแลชุมชนและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายและมีความเข้าใจในตลาดซื้อขายไฟฟ้าแบบเสรีของตลาด ERCOT

ในขณะที่ BPP มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค (technical knowhow) และมุ่งเน้นการพัฒนาลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ High Efficiency, Low Emission (HELE) ซึ่งมีเป้าหมายการเติบโตอย่างชัดเจน การร่วมลงทุนในโรงไฟฟ้าแห่งนี้ตามโครงสร้างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นได้ผ่านการพิจารณาอย่างครอบคลุมรอบด้าน โดยคํานึงถึงความสามารถในการเพิ่มศักยภาพเพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างสูงสุดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น