HoonSmart.com>> “เดลต้า อีเลคโทรนิคส์” คาดยอดขายปี 2564 โตมากกว่า 10% ไตรมาส 3 ยอดขายบวก แต่กำไรทั้งปีสะดุดบ้าง จากสินค้าใหม่ยังไม่คุ้มทุน-ค่าขนส่งแพง ส่วนปัญหาขาดแคลนชิปกระทบไม่มาก ตุนชิปไว้ล่วงหน้า-มีพันธมิตรเป็นผู้ผลิตชิป วางเงินทุน 20-30 ล้านเหรียญสหรัฐ เล็งเพิ่มเป็น 40-50 ล้านเหรียญสหรัฐ ใช้ขยายพื้นที่ใหม่ โรงงานอินเดียเลื่อนเปิดไตรมาส 2/2565 โดนโควิด-19 ระบาด
นายแจ็คกี้ ชาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA เปิดถึงกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สั่งให้หุ้นของบริษัทเข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย ระดับที่ 2 ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance ตั้งแต่ 16 ก.ค.-5 ส.ค.2564 บริษัทฯมองว่าไม่ได้มีผลกระทบต่อการดำเนินงาน และการที่นักลงทุนให้ความสนใจหุ้นของบริษัทนั้น คาดว่ามาจากการดำเนินงานที่มีการเติบโต ซึ่งบริษัทยังไม่มีแนวทางที่จะแก้ไขประเด็นสภาพคล่องการซื้อขายหุ้น อาทิ การเพิ่มทุน เนื่องจากปัจจุบันกระแสเงินสดยังอยู่ในระดับสูง
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในปี 2564 บริษัทคาดว่าจะมียอดขายเติบโตเกิน 10% แต่อาจจะโตไม่ถึง 20-25% เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และปัญหาขาดแคลนชิป จากการล็อกดาวน์ผู้ผลิตบางประเทศ ส่วนแนวโน้มกำไรอาจจะมีผลกระทบเชิงลบอยู่บ้าง เนื่องจากบริษัทฯได้ผลิตสินค้าใหม่ค่อนข้างมาก และสินค้าบางประเภทที่เริ่มผลิตในสายการผลิตใหม่ ยังไม่คุ้มกับต้นทุน และการขนส่งทางอากาศค่อนข้างกระทบต่อต้นทุน โดยแนวโน้มยอดขายในไตรมาส 3 ยังเติบโตอยู่ แต่ยังต้องติดตามเรื่องผลกระทบโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง
“ปัญหาขาดแคลนชิป บริษัทได้พยายามปรับกลยุทธ์เพื่อดำเนินการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการสั่งซื้อสินค้าเข้ามาล่วงหน้า และมีพันธมิตรที่เป็นผู้ผลิตด้วย ทำให้ผลกระทบ อาจจะไม่ได้ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ”
ส่วนแผนการลงทุนในปี 2564 บริษัทตั้งงบไว้ที่ 20-30 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนหนึ่งจะนำเงินไปลงทุนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างต่อเนื่อง เพื่อวิจัยสินค้าใหม่ๆ สำหรับธุรกิจที่มีการเติบโต และที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ,ธุรกิจ Data Center ,ธุรกิจทางการแพทย์ และธุรกิจพลังงานทางเลือก นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มพื้นที่บริเวณนิคมอุตสาหกรรม เพื่อขยายกำลังการผลิตใหม่ เนื่องจากโรงงานที่เพิ่งดำเนินการในไตรมาส 2 กำลังการผลิตใกล้เต็มแล้ว ถ้ามีการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ บริษัทก็จะเพิ่มงบลงทุนในปีนี้เป็น 40-50 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้โรงงานที่ประเทศอินเดีย บริษัทได้เลื่อนแผนการเปิดโรงงานใหม่เป็นไตรมาส 2/2565 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศ งแม้จะมีผลกระทบบ้างเล็กน้อย แต่บริษัทได้มีการกระจายความเสี่ยง จากสินค้าที่หลากหลาย ทำให้ยอดขายในบางพื้นที่เติบโตดีขึ้น อาทิ ประเทศออสเตรเลีย , เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยุโรป
“เราคิดว่าในปี 2564 ยอดขายเรายังดี แต่กำไรได้รับผลกระทบบ้าง จากปัจจัยข้างต้น เราเลยมองว่าปีนี้เป็นปีแห่งการวางรากฐานใหม่ เพื่อสร้างฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น และสร้างการเติบโตทางธุรกิจมากกว่า ด้วยการลงทุนต่างๆ ในระยะยาว จะส่งผลดีต่อเราเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต” นายแจ็คกี้ ชาง กล่าวทิ้งท้าย