BBLกวาดกำไร 6.3 พันลบ. Q2/64 สำรองเพิ่ม เพอร์มาตาหนุน

HoonSmart.com>>ธนาคารกรุงเทพเปิดกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 จำนวน 6,356.76 ล้านบาท กระโดด 105.64%  จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 8.2% จากไตรมาสแรก ตั้งสำรองเพิ่มรับมือความไม่แน่นอนโควิด  ครึ่งปีกำไร 13,280 ล้านบาท  โต 23% สินเชื่อขยายตัว 2.2% รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 4.8% จากการรวมธนาคารเพอร์มาตา   

ธนาคารกรุงเทพ(BBL) รายงานผลงานไตรมาส 2/64 มีกำไรสุทธิ 6,356.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105.64% จากงวดเดียวกันปี 63 ที่มีกำไร 3,094.98 ล้านบาท แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (Q1/64) ธนาคารมีกำไร 6,923 ล้านบาท ลดลง 8.2% จากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความไม่แน่นอนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงยืดเยื้อ

ขณะที่ครึ่งแรกของปี 2564 ธนาคารกรุงเทพมีกำไรสุทธิ 13,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.4% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 4.8% จากผลของการรวมธนาคารเพอร์มาตา อินโดนีเซีย ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 2.12% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในครึ่งแรกของปีก่อน

รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 18.8 % จากค่าธรรมเนียมบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวม รวมถึงธุรกิจหลักทรัพย์ รวมถึงการรวมรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารเพอร์มาตา สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 49.5%

ทั้งนี้ ธนาคารมีการตั้งสำรองตามหลักความระมัดระวังโดยคาดการณ์ปัจจัยผลกระทบสำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า

ธนาคารกรุงเทพยังคงดำรงฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ เพื่อรองรับผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้าและมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,420,305 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% จากสิ้นปี 2563 จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจและสินเชื่อกิจการต่างประเทศ แม้ว่าอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ในระดับทรงตัวที่ 3.7% ธนาคารยังคงมีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 190.3%

ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 จำนวน 3,046,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4 %จากสิ้นปีก่อน เป็นผลจากการที่ลูกค้าต้องการดำรงสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงในภาวะที่มีความไม่แน่นอน ทำให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 79.4% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 18.4% 15.9% และ 15.0% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด