HoonSmart.com>> นักวิเคราะห์มีมติเอกฉันท์ แนะขายหุ้น”เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ฯ” บล.หยวนต้า ให้ราคาเหมาะสมกลางปีหน้าอยู่ที่ 414 บาท บล.เอเซียให้ต่ำสุดเพียง 170 บาท ส่วนบล.ฟินันเซียฯ-เคจีไอ หวังกำไรฟื้นตัวแรงปี 65 ตีมูลค่า 330-320 บาท บล.ทิสโก้ให้ราคาเหมาะสม 280 บาท
บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์คาดบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA จะมีกำไรปกติในงวดไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เติบโต 15.2% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 14.5% จากไตรมาส 2/63 โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก มาจากยอดขายที่เติบโตได้ราว 5% ส่วนกำไรที่ลดลงเมื่อเทียบไตรมาส 2/63 มาจากฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง
อย่างไรก็ตามหากกำไรออกมาตามคาด กำไรครึ่งปีแรก คิดเป็น 35% ของประมาณกำไรปกติทั้งปี 64 ที่ 9.2 พันล้านบาท เติบโต 35% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
บล.หยวนต้าคงประมาณการและปรับไปใช้ราคาเหมาะสมกลางปี 65 ที่ 414 บาทต่อหุ้น อิง P/E 52.7 เท่า จึงปรับลดคำแนะนำ เป็น “ขาย” ราคาหุ้นที่ระดับ +/- 584 บาทต่อหุ้น คิดเป็น พี/อี ปี 64 ที่ 79 เท่า บนประมาณการกำไรของฝ่ายวิเคราะห์ที่อาจมี Downside Risk ทำให้หุ้นไม่มี Upside Risk
บล.เอเซียพลัส ยังคงแนะนำขาย ให้ราคาเป้าหมายเพียง 170 บาท ราคาปัจจุบันแพงสะท้อนถึง P/E สูงถึง 87 เท่า แต่สามารถเก็งกำไรระยะสั้นได้ คงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ 8,383 ล้านบาท โต 18% คาดกำไรปกติไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 9.1% จากไตรมาสแรก ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาส 3 จะเติบโต เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และค่าเงินบาทอ่อน หนุนแนวโน้มประสิทธิภาพการทำกำไรดีขึ้น
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ปรับลดประมาณการกำไร และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 330 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นเต็มมูลค่า และคิดเป็น Forward P/E ปี 64-65 ที่ 94 เท่าและ 72 เท่า ตามลำดับและคาดอัตราผลตอบแทนปันผลปีนี้ต่ำเพียง 0.6% สะท้อนมูลค่าหุ้นที่แพงไปมาก คงคำแนะนำขาย
“คาดกำไรในไตรมาส 2 ไม่ตื่นเต้น หากเป็นไปตามคาด บริษัทจะมีกำไรครึ่งปีแรก อยู่ที่ 3,517 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.2% จากปีก่อน ซึ่งคิดเป็นเพียง 36% ของประมาณการกำไรเดิมของเราที่ 9,831 ล้านบาท ที่คาดว่าจะโต 44% ดังนั้นเราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2564-2565 ลง 12%-21% เป็น 7,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% และ 10,181 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 31% ตามลำดับ จะเห็นว่าเราคาดหวังการฟื้นตัวของกำไรในปี 2565 อย่างมาก”บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุ
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่ากำไรของ DELTA จะเพิ่มขึ้น 16% ในปีนี้และ 49% ในปีหน้า ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสิ้นปี 65 เป็น 320 บาท จากเดิม 215 บาท แต่ยังต่ำกว่าราคาปิดล่าสุดถึง 45% ยังคงแนะนำขาย คาดกำไรในธุรกิจหลักไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท ลดลง 15% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสแรก รวมครึ่งปีอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22%
” คาดว่ายอดขายไตรมาส 2 อยู่ที่ 2.05 หมื่นล้านบาท เติบโต 44% จากช่วงเดียวกันปีก่อนและโต9% จากไตรมาสแรก แต่หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน คาดยอดขายอยูที่ 656 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันปีก่อนและ 5% จากไตรมาสแรก”บล.เคจีไอระบุ
บริษัทอาจจะไม่ได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าของเงินบาท เนื่องจากต้นทุนโลจิสติกส์สูง โดยได้ปรับสมมุติฐานยอดขาย อัตรากำไรขั้นต้น และอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลให้ประมาณการกำไรจากธุรกิจในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากเดิม 2% และปี 2565 เพิ่มขึ้น 24%
บล. ทิสโก้ แนะนำ”ขาย”มูลค่าเหมาะสม 280 บาท เลื่อนไปเป็นของปี 2565 ปรับลดประมาณการกำไรลง เพื่อสะท้อนมาร์จิ้นที่แย่ลงจาก 25.3% เหลือ 22.4-24.1% ในปีนี้และปีหน้า ลดประมาณการกำไรปีนี้ลง 10% อย่างไรก็ตาม คาดรายได้ครึ่งปีแรกจะสูงกว่าคาด ทำให้ปรับรายได้จากสหรัฐขึ้น 16-20% สำหรับปี 64-65 รวมค่าขนส่งที่คาดจะเริ่มลดลง จะส่งผลให้กำไรปี 2565 เพิ่มขึ้น 11%
ส่วนในไตรมาส 2 คาดว่ากำไรหลักจะฟื้นตัว 11% และรายได้อยู่ที่ 20,697 ล้านบาทหรือ 660 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 45.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนและโต 4.9% จากไตรมาสแรก