SNNP ขีดช่วงราคา 8.70-9.20 บาท รายย่อยจองซื้อ 7-9 ก.ค.นี้

HoonSmart.com>> “ศรีนานาพรฯ” เตรียมขายไอพีโอ 240 ล้านหุ้น ช่วงราคา 8.70-9.20 บาท พาร์หุ้นละ 0.5 บาท เปิดให้รายย่อยจอง 7-9 ก.ค.นี้ เคาะราคาสุดท้าย 12 ก.ค. ส่วนสถาบันจอง  12-14 ก.ค. คาดเข้า SET สัปดาห์ที่สามของเดือน ก.ค. นำเงินลงทุนในเวียดนาม- คืนหนี้-หมุนเวียน มั่นใจปี 64 กำไรดีกว่าปีก่อน  เป้าปี 69 โกยรายได้ 8 พันล้านบาท ประกาศเป็นผู้นำเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวแห่งอาเซียน

น.ส.วีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) เปิดเผยว่า SNNP จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 240 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท กำหนดช่วงราคาเบื้องต้นที่ 8.70-9.20 บาทต่อหุ้น และเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อในวันที่ 7 – 9 ก.ค.นี้ ที่ราคาสูงสุด 9.20 บาท สำรวจความต้องการซื้อจากนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) กำหนดราคาสุดท้ายวันที่ 12 ก.ค.นี้  เปิดให้สถาบันจองซื้อในวันที่ 12-14 ก.ค.คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ภายในสัปดาห์ที่สามของเดือน ก.ค.2564

นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) ผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์ของการระดมทุนจะนำไปลงทุนในบริษัทย่อย เพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนาม และชำระเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 60% ของกำไรสุทธิ

“ SNNP สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ต่อยอดแบรนด์สินค้าและพอร์ตโฟลิโอให้หลากหลายเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศ รวมถึงสร้างความได้เปรียบจากการมีฐานการผลิตและระบบกระจายสินค้าที่ครอบคลุมในภูมิภาค CLMV ซึ่งจะช่วยผลักดันการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวแห่งอาเซียน” นายวิวรรธน์ กล่าว

ด้านผลประกอบการในปี 2564 คาดว่าจะเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 4,392.9 ล้านบาท ปัจจุบันยอดขายเริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้น ตั้งเป้าหมายมีรายได้ 8,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 หรือเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ตั้งแต่ปี 2563-2569 ปีละ 12% จะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 30% ส่วนในประเทศอยู่ที่ 70% โดยมีกลยุทธ์ทางการตลาด ในการต่อยอดแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดและมีศักยภาพ อาทิ เจเล่ เบนโตะ เมจิกฟาร์ม โลตัสขาไก่ และเครื่องดื่มอควาวิตซ์ ฯลฯ และสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความหลากหลาย รวมทั้งพัฒนารสชาติ ขนาดและราคา ให้เหมาะกับเทรนด์การบริโภคและกำลังซื้อในแต่ละประเทศ ซึ่งจะสามารถยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าสูงขึ้น

ส่วนนายฐากร ชัยสถาพร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจต่างประเทศ SNNP เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีศักยภาพที่จะเติบโตในภูมิภาค CLMV ได้อีกมาก เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีตลาดเติบโตสูง โดยมีรายได้ต่อครัวเรือนเพิ่มขึ้น และกลุ่มประชากรที่เป็นชนชั้นกลางวัยหนุ่มสาวเพิ่มขึ้น  มีวิถีชีวิตที่เร่งรีบ  ผลักดันให้การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มแบบพร้อมรับประทานขยายตัวมากขึ้น โดยกลยุทธ์ทางการตลาด บริษัทฯ จะต่อยอดผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวที่เป็นผู้นำตลาดในประเทศไทย  จัดตั้งบริษัทย่อยในกัมพูชา ได้แก่ S.C Food Products Co., Ltd. STVV Development Co., Ltd. และ S.C Food Trading Co., Ltd. ปัจจุบันโรงงาน เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว

ด้านประเทศเวียดนาม บริษัทฯ มีแผนเข้าลงทุนผ่าน S.T. Food Marketing Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อผลิตขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มเยลลี่สำเร็จรูปและจัดจำหน่ายในประเทศเวียดนาม คาดว่าโรงงานจะเริ่มผลิตสินค้าได้ช่วงกลางปี 2565 ในเฟสแรก และปี 2566 เป็นเฟสสอง ทำให้มีฐานการผลิตทั้งในประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม จำนวน 6 แห่ง ครอบคลุมประชากรกลุ่มประเทศ CLMV+T รองรับกับความต้องการของตลาดที่มีประชากรกว่า 250 ล้านคน และยังเป็นฐานการผลิตส่งออกสินค้าไปตลาดอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ส่งออกไปยัง 5 ทวีป รวมกว่า 35 ประเทศทั่วโลก นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศจีนและกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป