HoonSmart.com>>Ttb Analytics ห่วงธุรกิจส่อแววโตช้า เหตุคลัสเตอร์แรงงานระบาดสูง โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานต่างด้าวเพื่อนบ้านกว่า 2.1 ล้านคน แนะรัฐบาลเร่งยับยั้งการระบาด พร้อมปรับแนวทางดูแล เพื่อพลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ศึกษาโครงสร้างการจ้างงานของประเทศไทย (ณ เดือนพฤษภาคม 2564) พบว่าแรงงานในประเทศมีจำนวน 40 ล้านคน แบ่งเป็นแรงงานไทยจำนวน 37.7 ล้านคน และแรงงานต่างด้าว 2.3 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวเพื่อนบ้าน (เมียนมาร์ กัมพูชา และลาว) 2.1 ล้านคน หรือคิดเป็น 91% ของแรงงานต่างด้าวทั้งหมด เมื่อพิจารณาการจ้างงานแรงงานต่างด้าวเพื่อนบ้านในไทย พบว่าภาคธุรกิจที่จ้างแรงงานต่างด้าวเพื่อนบ้านสูงสุด คือ ภาคก่อสร้างและการผลิต มีสัดส่วนการจ้างแรงงานต่างด้าวเพื่อนบ้าน 15% และ 10% ตามลำดับ โดยคิดเป็น 28% ของจีดีพี ในขณะที่ภาคการค้าและบริการ มีสัดส่วนการจ้างแรงงานต่างด้าวเพื่อนบ้าน 5% และ 3% ตามลำดับ
ส่วนแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 จากการระบาดระลอกสาม (1 เมษายน – 28 มิถุนายน 2564) มีกว่า 3.6 หมื่นคน คิดเป็น 16% ของผู้ติดเชื้อในไทย ส่วนใหญ่เป็นคลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรมและแคมป์คนงานก่อสร้าง หากไม่ยับยั้งการติดเชื้ออาจลามสู่แรงงานส่วนอื่น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวมากกว่าเดิม
สำหรับพื้นที่ที่มีแรงงานต่างด้าวเพื่อนบ้านติดเชื้อมาก ได้แก่ เพชรบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปทุมธานี ชลบุรี และนนทบุรี ซึ่งหากไม่เร่งยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิดในกลุ่มแรงงานต่างด้าวเพื่อนบ้านในพื้นที่ดังกล่าว จะนำไปสู่การระบาดวงกว้างต่อแรงงานที่เหลือ รวมถึงในพื้นที่ชุมชนพื้นที่ใกล้เคียงที่อยู่อาศัยของแรงงานต่างด้าว
ดังนั้นการจัดการปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 ในหมู่แรงงานต่างด้าวเพื่อนบ้านเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน เนื่องจากแรงงานเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะภาคการผลิตและก่อสร้าง อาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลนแรงงานได้ นอกจากนี้ สายการผลิตในโรงงานและการก่อสร้างจะหยุดชะงัก ส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นลูกโซ่ตามมาได้
ขณะเดียวกันภาครัฐสามารถอำนวยความสะดวกด้านการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้ถูกกฎหมาย ซึ่งจะทำให้ทราบจำนวนแรงงานต่างด้าวที่ชัดเจน สามารถควบคุมและพิจารณาจัดสรรวัคซีนได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ภาครัฐควรจัดการขบวนการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าประเทศอย่างเด็ดขาด เนื่องจากอาจเป็นกลุ่มเสี่ยงที่นำเชื้อโรคเข้ามาแพร่กระจายในหมู่แรงงานต่างด้าวด้วยกัน
รวมถึงพิจารณาแนวทางการควบคุมการระบาดในแรงงานต่างด้าว อาทิ 1) คัดกรองแรงงานแข็งแรงที่มีความจำเป็นในงานสำคัญออกจากที่พักไปอยู่สถานที่ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ 2) วางมาตรฐานการเคลื่อนย้ายแรงงานจากที่พักอาศัยเดินทางไปปฏิบัติงานในโรงงานหรือแคมป์ก่อสร้าง โดยควบคุมไม่ให้ปะปนกับประชาชนทั่วไป 3) พิจารณาจัดสรรฉีดวัคซีนให้แรงงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและมีโอกาสติดเชื้อสูง 4) ตรวจหาเชื้อซ้ำในสถานประกอบการและชุมชนที่แรงงานต่างด้าวอาศัยอยู่เป็นประจำ เป็นต้น