HoonSmart.com>> สมาคมประกันวินาศภัยไทย คาดสรุปเงื่อนไขประกันสุขภาพแบบให้ลูกค้าร่วมจ่าย มี.ค.ปี’68 เตือนอย่าตกใจ ใช้แบบเก่าไปก่อนได้ ตั้งเป้าเบี้ยทั้งระบบปีหน้า 2.91- 2.94 แสนล้านบาท โตราว 1.5%-2.5%
ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย(TGIA) กล่าวเตือน ประชาชนอย่าตื่นตกใจเครื่องประกันสุขภาพแบบที่ให้ลูกค้าร่วมจ่ายค่ารักษา หรือ โคเพย์ เพราะยังสามารถซื้อประกันเงื่อนไขเดิมต่อไปได้
ปัจจุบันสมาคมประกันวินาศภัยไทยอยู่ระหว่างการหารือเงื่อนไขร่วมกับสมาคมประกันชีวิต ถึงเกณฑ์ของการที่จะให้ลูกค้าร่วมจ่ายค่ารักษาและกลุ่มโรคที่เจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในเดือนมีนาคม 2568 และจะเริ่มมีการประกาศใช้ โดยจะเริ่มใช้พร้อมกันทั้งบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัย เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน
อย่างไรก็ตาม จะไม่มีผลต่อลูกค้าที่ซื้อประกันสุขภาพไปก่อนหน้านี้แล้วจะมีผลเฉพาะลูกค้าที่ซื้อประกันใหม่หลังเดือนมีนาคม 2568 ไปแล้วเท่านั้น
“ส่วนที่บอกว่าถ้าเครมเกิน 3 ครั้งและสินไหมเกิน 200% ของเบี้ยที่จ่ายในแต่ละปีจะต้องร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลในสัดส่วน 30% หรือกี่เปอร์เซ็นต์ก็ตามนั้นเป็นเพียงแนวทางที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)ออกมาไว้เป็นแนวคิดเท่านั้น”ดร.สมพร กล่าว
ดร.สมพร คาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัย ปี 2568 ว่าจะมีอัตราการเติบโตราว 1.5%-2.5% เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 291,240 – 294,100 ล้านบาท จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งช่วยสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจประกันภัย
ขณะที่การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล (InsurTech) เป็นปัจจัยหลักในการผลักดันธุรกิจประกันภัยไปข้างหน้า ทั้งการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และทำให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น รวมถึงปัจจุบันประชาชนต่างตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัยและการเสี่ยงภัยธรรมชาติมากขึ้น ส่งผลให้ปีหน้าประกันอัคคีภัยจึงได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น
ด้านประกันภัยการเดินทางยังคงเติบโต ด้วยปัจจัยบวกจากการแข็งค่าของเงินบาทและการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ทั้งนี้ในระยะยาวการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายมีแนวโน้มความต้องการมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากประชาชนรับรู้ถึงสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายเมื่อถูกละเมิด ทำให้ภาพรวมในปี 2568 ธุรกิจประกันภัยยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2568 นี้ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตในอัตราที่ดีกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอนสำหรับธุรกิจประกันวินาศภัย แม้จะยังต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ทั้งภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี การจัดการความเสี่ยงด้านไซเบอร์ ซึ่งส่งผลกระทบกับองค์กรทุกระดับ การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม ทำให้ต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ
“ธุรกิจประกันวินาศภัย จึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้บุคคลและธุรกิจสามารถก้าวผ่านความเสี่ยงต่าง ๆ ไปได้ ไม่เพียงแต่ให้ความคุ้มครองทางการเงินเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความมั่นคงในระยะยาว ธุรกิจประกันวินาศภัย จึงถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การเข้าใจความเสี่ยงและบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ คือหัวใจสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมนี้ดำรงอยู่ และเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวในตอนท้าย