“บ้านปู” อวดงบไตรมาส 2 กำไรสุทธิ 3.9 พันล้านบาท เติบโต 75% จากงวดปีก่อน ปริมาณถ่านหินเพิ่มขึ้น 5% ได้ผลดีราคาถ่านหินพุ่ง 15% จากงวดปีก่อน
บริษัท บ้านปู (BANPU) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2561 มีกำไรสุทธิ 3,971.34 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.769 บาท เพิ่มขึ้น 75.73% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2,259.94 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.444 บาท
ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 2,708.46 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.525 บาท ลดลง 26.69% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 3,694.55 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.735 บาท
บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมในงวดไตรมาส 2 ที่ผ่านมาจำนวน 813 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 25,692 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 180 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 28% เกิดจากปริมาณการขายถ่านหินและราคาถ่านหินที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการจำหน่ายถ่านหินจำนวน 706 ล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็น 87% ของรายได้จากการขายรวม แบ่งเป็น รายได้จากการขายถ่านหินจากแหล่งผลิตในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 431 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้จากการขายถ่านหินจากแหล่งผลิตในประเทศออสเตรเลีย 270 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นอกจากนี้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำและอื่นๆ มีจำนวน 72 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 9% ของรายได้ และรายได้จากธุรกิจก๊าซมีจำนวน 35 ล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็น 4% ของรายได้
สำหรับปริมาณขายถ่านหินในไตรมาส 2 มีจำนวน 9.12 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.41 ล้านตัน หรือ 5% โดยราคาขายถ่านหินเฉลี่ยอยู่ที่ 76.93 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.27 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือ 15% โดยไตรมาส 2 ปี 2560 อยู่ที่ 66.66 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งเป็นผลจากราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน