HoonSmart.com>> บล.ฟินันเซีย ไซรัส อัพเป้าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 64 จาก 1,600 จุด เป็น 1,660 จุด แนะหมุนเข้ากลุ่ม Domestic Play คาดกลับมา Outperform ครึ่งปีหลัง รับฉีดวัคซีน ทยอยเปิดประเทศ คาดเฟดส่งสัญญาณและเริ่มลด QE ไตรมาส 4/64 ขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วปลายปี 65 เงินต่างชาติไหลออกกดราคาหุ้นขนาดใหญ่ คัด 10 หุ้นเด่น BDMS, CK, CPALL, EKH, M, SAPPE, SCB, SPALI TISCO, VRANDA
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) เปิดเผยว่า ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ได้ปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทย (SET Target) ปี 2564 นี้ ขึ้นจาก 1,600 จุด เป็น 1,660 จุด จาก EPS ที่ปรับขึ้นเป็น 83 บาท เติบโต 108.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและอิงพี/อี (PER) 20 เท่า (ค่าเฉลี่ย 10 ปี +1.75) ปัจจุบันมี Upside เพียง 3%
ในเชิงกลยุทธ์จึงแนะนำหมุนเข้ากลุ่ม Domestic Play ที่คาดมีโอกาสที่เม็ดเงินจะไหลเข้าแทน Global Play และ Outperform ตลาดการฉีดวัคซีน และทยอยเปิดเมือง เปิดประเทศ
“เราชอบกลุ่มค้าปลีก ร้านอาหาร การแพทย์ ธนาคาร ท่องเที่ยว โดยเลือก Top Pick ช่วงครึ่งปีหลังนี้ เป็น BDMS, CK, CPALL, EKH, M, SAPPE, SCB, SPALI TISCO, VRANDA” บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ
ทั้งนี้ การเริ่มฉีดวัคซีน COVID-19 ปูพรมตั้งแต่ 7 มิ.ย.2564 ที่ผ่านมา โดยภาครัฐตั้งเป้าฉีดให้ครบ 100 ล้านโดสภายในสิ้นปี โดยหากอิงสมมติฐานว่าวัคซีนเข้ามาตามเวลาที่กำหนดและสามารถกระจายถึงประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเมินว่า ณ สิ้นเดือนส.ค.2564 จะมีผู้ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดสในระดับมากกว่า 50% และสิ้นปีคาดมีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 2 โดสสูงถึง 73.60% ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเศรษฐกิจไทยจะพลิกกลับมาฟื้นตัวในครึ่งหลังของปี 2564 โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนและท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัวและเป็นตัวช่วยการลงทุนภาครัฐและส่งออกที่เป็นพระเอกในครึ่งปีแรก 2564
ด้านการท่องเที่ยวคาดเริ่มทยอยฟื้นตัวในไตรมาส 3/2564 ประเมินว่าตลาดในประเทศจะฟื้นตัวก่อนและยังเป็นส่วนที่ประคองตลาดโดยรวมในครึ่งปีหลัง ขณะที่นโยบายภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และเป้าหมายเปิดประเทศใน 120 วันของรัฐบาล คาดว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยกลับเข้ามาในช่วงไตรมาส 4/2564 แต่คาดเห็นผลชัดเจนมากขึ้นในปี 2565 โดยธปท.คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวกรณีเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในสิ้นปีนี้ที่ 15 ล้านคน เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงแรม สายการบิน สนามบิน ค้าปลีกและร้านอาหารที่มีสัดส่วนรายได้จากช่วงต่างชาติ
ส่วนครึ่งหลังของปี 2564 คาดมีปัจจัยต่างประเทศกดดันเป็นระยะ คือ การดำเนินนโยบายการเงินของ FED ที่จะทยอยตึงตัวมากขึ้นหลังเศรษฐกิจสหัฐฯ ส่งสัญญาณฟื้นตัวแข็งแรงหลังฉีดวัคซีน COVID-19 ได้เร็วเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยเฉพาะประเด็นเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ซึ่ง FED คาดว่าจะพุ่งแตะ 3.4% ในปี 2564
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินว่า FED จะส่งสัญญาณลดขนาด QE ในไตรมาส 3/2564 และเริ่มมีการลดขนาดในไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไปและคาดว่าจะยุติในช่วงกลางถึงปีหน้า ส่วนการปรับขึ้นดอกเบี้ยคาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดปลายปี 2565 ทำให้หุ้นขนาดใหญ่มีโอกาสถูกกดดันจากกระแสเงินทุนที่คาดยังอยู่ในทิศทางไหลออก
หากเปรียบเทียบความน่าสนใจของ SET INDEX ถือว่ายังเป็นรองตลาดอื่นในภูมิภาคเอเชียจาก Valuation ที่ค่อนข้างแพง ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับพี/อี ปี 2564-2565 ที่ 19.4 เท่าและ 17 เท่า ตามลำดับ สูงเป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาคเอเชียและเมื่อเทียบกับการเติบโตของ EPS ในปี 2564-2565 พบว่ามี PEG ที่ 1.19 เท่า สูงเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาค จึงยังประเมินว่ายังไม่เห็นการกลับมาซื้อของนักลงทุนต่างชาติอย่างมีนัยยะ
อย่างไรก็ตามสถานะของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะตั้งแต่เกิดวิกฤต COVID-19 ไม่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของ SET INDEX เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตและเป็นสถาบันในประเทศที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของ SET INDEX มากกว่า