HoonSmart.com>>EXIM BANK เปิดสำนักงานผู้แทนแห่งที่ 4 ในนครโฮจิมินห์ เวียดนาม เชื่อมโยงเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศไทยกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ได้เปิดทำการสำนักงานผู้แทน EXIM BANK แห่งที่ 4 ในนครโฮจิมินห์ เวียดนาม ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 มีนายจักรกริช ปิยะศิริกุล เป็นหัวหน้าสำนักงานผู้แทนฯ ทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชนภายใต้ทีมประเทศไทย ขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของไทยกับประเทศต่าง ๆ ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและอาเซียน
โดยมีเป้าหมายขยายสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการไทยใน CLMV เพิ่มขึ้น คิดเป็นยอดคงค้างเงินให้สินเชื่อ 50,000 ล้านบาทภายในปี 2568 เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 45% จากยอดคงค้างจำนวน 34,500 ล้านบาทในปี 2563 ทั้งนี้ EXIM BANK เปิดดำเนินการสำนักงานผู้แทนแห่งแรกในย่างกุ้ง เมียนมาเมื่อปี 2560 จากนั้นจึงเปิดสำนักงานผู้แทนในเวียงจันทน์ สปป.ลาว และพนมเปญ กัมพูชาในปี 2561 และ 2562 ตามลำดับ ส่วนสำนักงานผู้แทนในนครโฮจิมินห์จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2564 ถึงต้นปี 2565
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า EXIM BANK จัดตั้งสำนักงานผู้แทนใน CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ครบถ้วนทั้ง 4 แห่ง เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงการคลัง เพื่อส่งเสริมให้ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยสามารถแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจในตลาดต่างประเทศได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจอยู่มาก อีกทั้งผู้ประกอบการไทยยังมีความคุ้นเคยกับวัฒนธรรมและพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความใกล้เคียงกัน
นอกจากนี้การเปิดสำนักงานผู้แทน EXIM BANK ในนครโฮจิมินห์ยังสอดคล้องกับนโยบาย Dual-track Policy ของ EXIM BANK ในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยภายใต้บทบาท “ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (Thailand Development Bank)” ควบคู่กับการทำหน้าที่ “ศูนย์บริการครบวงจรเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศให้แก่ SMEs (One Stop Trading Facilitator for SMEs)” ในตลาดเวียดนาม
“EXIM BANK พร้อมส่งเสริมการส่งออกและการลงทุนของไทยในตลาดหลักและตลาดใหม่ การเปิดสำนักงานผู้แทนของ EXIM BANK ในนครโฮจิมินห์เป็นส่วนหนึ่งของการเสริมทีม EXIM BANK และทีมประเทศไทย เพื่อร่วมกันอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ นำไปสู่การพัฒนาประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ท่ามกลางความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลาของโลกยุคใหม่” ดร.รักษ์ กล่าว