ดาวโจนส์ปิดดิ่ง 533 จุด วิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วง ดัชนีดาวโจนส์ปิดดิ่ง 533 จุด วิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด นักวิเคราะห์คาดอาจกระทบการเติบโตเศรษฐกิจ ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลง ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับเพิ่มขึ้น 60 เซนต์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 18 มิถุนายน2564 ปิดที่ 33,290.08 จุด ร่วงลง 533.37 จุด หรือ 1.58%, หลังจากธนาคารกลาง (เฟด) ปรับเงินเฟ้อคาดการณ์ขึ้นและส่งสัญญาณปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในปี 2023 ซึ่งเร็วกว่าที่คาดหนึ่งปี จากเดิมในเดือนมีนาคมที่ประเมินว่าจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยไปจนกว่าหลังปี 2023

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,166.45 จุด ลดลง 55.41 จุด, -1.31%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,030.38 จุด ลดลง 130.97 จุด, -0.92%

นายจิม บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นบีซีว่า เขาเป็นหนึ่งใน 7 กรรมการที่เห็นว่าควรปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในปีหน้าเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ รวมทั้งระบุว่าเป็นเรื่องปกติที่เฟดจะท่าทีเอนเอียงมาในเชิงนโยบายเข้มงวดขึ้นในสัปดาห์นี้และการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดอาจจะเกิดขึ้นในปี 2022

นายบุลลาร์ดให้ความเห็นหลังจากที่เฟดส่งสัญญาณการปรับอัตราดอกเบี้ยเร็วในปี 2023 หลังจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน รวมทั้งปรับคาดการณ์เงินเฟ้อขึ้น

นักวิเคราะห์จาก Truist Advisory Services ระบุว่า นักลงทุนวิตกว่าหากเฟดปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดเร็วกว่าคาดเพื่อคุมแรงกดดันเงินเฟ้อ อาจจะมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต

นักวิเคราะห์จาก Inverness Counsel ระบุว่า ในสัปดาห์หน้าจะยังมีความเห็นของประธานสาขาเฟดออกมาอีกมาก ซึ่งบางคนอาจจะเอนเอียงไปในทางการปรับอัตราดอกเบี้ยและบางคนยังให้ดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ดังนั้นตลาดจะขึ้นๆลงๆ

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลดลง เพราะ นักลงทุนคาดว่าผลการดำเนินงานจะได้รับผลกระทบจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นและระยะยาวที่แคบลง โดยหุ้นแบงก์ออฟอเมริกา หุ้นเจพี มอร์แกน เชส ต่างลดลงมากว่า 2% หุ้นซิตี้กรุ๊ปลดลง 1.8%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มธนาคารและกลุ่มน้ำมันและก๊าซที่ลดลงราว 3% นักลงทุนจับตาราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงลงและวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดหลังจากนายจิม บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นบีซีว่าเฟดเริ่มหารือการลดการซื้อพันธบัตร

ในอังกฤษ ยอดค้าปลีกเดือนพฤษภาคมลดลง 1.4% จากเดือนก่อนหน้า สวนทางกับการเพิ่มขึ้น 1.6% ที่นักวิเคราะห์คาด ในเยอรมนี ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)เดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 1.5% จากเดือนก่อนสูงกว่า 0.7% ที่นักวิเคราะห์คาดและเพิ่มขึ้น 7.2% จากระยะเดียวกันของปีก่อน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 452.05 จุด ลดลง 7.28 จุด, -1.58%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,017.47 จุด ลดลง 135.96 จุด, -1.90%
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,569.16 จุด ลดลง 97.10 จุด, -1.46%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,448.04 จุด ลดลง 279.63 จุด, -1.78%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 60 เซนต์ ปิดที่ 71.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ ปิดที่ 73.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล