ศูนย์วิจัยกรุงศรีคาดส่งออกQ2/64โตสองหลัก จากฐานต่ำ-การค้าโลกฟื้น

HoonSmart.com>>ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงศรี คาดการส่งออกไตรมาส2 ขยายตัวต่อเนื่องโตได้สองหลัก ผลจากฐานที่ต่ำในปีก่อนและการค้าโลกฟื้นตัว ปรับเพิ่มเป้าส่งออกปีนี้เป็น 9% จากเดิมคาดโต 6% แต่ยังคงเป้าจีดีพีปีนี้ที่ 2%

วิจัยกรุงศรีระบุการส่งออกที่เติบโตดีและมาตรการภาครัฐที่อาจมีเพิ่มเติม จะเป็นแรงหนุนพยุงเศรษฐกิจไทยในปีนี้ โดยมูลค่าส่งออกเดือนเมษายนขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 ปี คาดเฉลี่ยทั้งปีมีแนวโน้มเติบโต 9% ส่วนมูลค่าส่งออกในเดือนเมษายนอยู่ที่ 21.43 พันล้านดอลลาร์ ขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2561 ที่ 13.1% YoY จากเดือนก่อน 8.5% และเมื่อหักทองคำออก มูลค่าส่งออกเดือนนี้ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ที่ +28.9% คาดในไตรมาส 2/2564 ยังคงเห็นการส่งออกเติบโตเป็นเลขสองหลัก เนื่องจากผลของฐานที่ต่ำในปีก่อนและได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก

สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปีคาดว่า หลังจากผลของฐานต่ำหมดลง การส่งออกของไทยจะกลับมาเติบโตในเลขหลักเดียว แต่ยังคงได้แรงหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นตามการเปิดประเทศ และความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนซึ่งจะช่วยเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ล่าสุด UNCTAD คาดการค้าโลกในปีนี้จะเติบโตถึง 19% จากปัจจัยบวกดังกล่าววิจัยกรุงศรีคาดการณ์ว่าการส่งออกของไทยในปี 2564 จะขยายตัว 9.0% (จากเดิมในเดือนเมษายนคาดไว้ที่ 6.0%) ซึ่งนับเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจในปีนี้

ด้านตลาดส่งออกพบว่าตลาดหลักทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และ CLMV เติบโตดีขึ้น ส่วนตลาดญี่ปุ่นและจีนขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่อาเซียน-5 ยังคงหดตัวต่อเนื่องตามการหดตัวของตลาดสิงคโปร์และอินโดนีเซีย

สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล พ.ร.ก.กู้เงินฉบับใหม่ 5 แสนล้านบาท กำหนดกรอบสำหรับการนำไปใช้ใน 3 แผนงาน คือ 1)แผนเยียวยาหรือชดเชยแก่ประชาชนและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ วงเงิน 300,000 ล้านบาท 2)แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 170,000 ล้านบาท และ 3)แผนงานด้านสาธารณสุข วงเงิน 30,000 ล้านบาท

แม้จะมีปัจจัยเชิงบวกจากมาตรการภาครัฐที่จะมีเพิ่มเติม ซึ่งเบื้องต้นกระทรวงการคลังระบุว่าอาจจะกู้เงินจากพ.ร.ก.ฉบับใหม่ 5 แสนล้านบาท ในปีนี้ก่อนประมาณ 1 แสนล้านบาท และเมื่อรวมกับมาตรการเยียวยาที่ภาครัฐจะเริ่มดำเนินการในเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป วงเงินประมาณ 1.4 แสนล้านบาท ผ่านโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้มีรายได้ปานกลางและรายได้สูง จึงคาดว่าจะมีเม็ดเงินกว่า 2 แสนล้านบาทช่วยหนุนเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังท่ามกลางความเป็นไปได้ของการฉีดวัคซีนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การระบาดระลอกสามของ COVID-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนและอาจยืดเยื้อรุนแรงกว่าที่เคยประเมินไว้ วิจัยกรุงศรีจึงยังคงประมาณการ GDP ปีนี้ไว้ที่ 2.0% และยังต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป