JR คว้า 4 โปรเจคมูลค่ากว่า 132 ลบ. หนุนโค้งหลังโตเด่น-ทุบสถิติใหม่

ำปแHoonSmart.com>> “เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้” คว้า 4 โปรเจคใหม่ “ก่อสร้างสายส่ง 22 KV-ติดตั้งระบบสายส่งไฟฟ้าใต้ดิน-บำรุงรักษาระบบ sim management” – งานวางระบบสื่อสาร มูลค่ากว่า 132.57 ล้านบาท “จรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ” CEO มั่นใจผลงานปี 64 เติบโตโดดเด่น สร้างสถิติสูงสุดใหม่

จรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ

นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) เปิดเผยว่า แม้จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระบาดระลอกสาม แต่บริษัทฯยังคงเดินหน้าเข้าร่วมประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มปริมาณงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) โดยล่าสุดได้รับงาน 4 โครงการใหม่ ประกอบด้วย 1. งานโครงการก่อสร้างสายส่งระดับ 22 KV จากบริษัท กัลฟ์ เอ็นซี จำกัด มูลค่างาน 95 ล้านบาท 2. งานติดตั้งระบบสายส่งไฟฟ้าใต้ดิน 115 KV PK4 จาก บริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่างาน 10.47 ล้านบาท 3. งานจ้างบำรุงรักษาระบบ sim management จาก บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) มูลค่างาน 9.2 ล้านบาท และ 4. งานวางระบบสื่อสารอื่น ๆ อีก 17.90 ล้านบาท รวมมูลค่า 132.57 ล้านบาท

“หลังการเข้ารับงาน 4 โปรเจคใหม่ ส่งผลให้ Backlog เพิ่มขึ้นเป็น 5,941 ล้านบาท ผลักดันแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้สร้างสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทฯ เนื่องจากงานส่วนใหญ่ ทยอยส่งมอบในปีนี้ และทำให้ผลการดำเนินงานปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทุกไตรมาส เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเดินหน้าส่งมอบงานตามแผน”

นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทฯยังมีโอกาสคว้างานใหม่อย่างต่อเนื่อง หลังจากเข้าร่วมประมูลในหลายโครงการ ที่จะทยอยประกาศผลในช่วงครึ่งปีหลัง และในช่วงปลายปีนี้ยังมีโอกาสได้งานโครงการใหญ่รถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู เฟส 2 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 6 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้งานในมือพุ่งแตะระดับ 1 หมื่นล้านบาท สนับสนุนผลการดำเนินงานในช่วง 2-3 ปี ข้างหน้าเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ขณะเดียวกันบริษัทฯได้มีการขยายงานด้านวิศวกรรมไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อสร้างฐานรายได้ใหม่เพิ่มขึ้น เช่น การเข้าไปในกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ โดยเป็นงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยให้กับโครงการของบริษัทไทยออยล์ ซึ่งบริษัทฯรับงานจากกิจการร่วมค้า Petrofac South East Asia, Saipem Singapore และ Samsung Engineering และมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันธุรกิจของกลุ่มบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงในอนาคต