กองทุน JASIF กำไรสุทธิไตรมาส 2 กว่า 1.46 พันล้านบาท รายได้รวม 1.46 พันล้าน เติบโต 0.65% ด้านค่าใช้จ่ายพุ่ง ฉุดรายได้จากการลงทุนสุทธิเหลือ 1.36 พันล้าน ลดลง 0.18% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2561 กำไรสุทธิในไตรมาส 2 มีจำนวน 1,459.79 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.2654 บาท เพิ่มขึ้น 54.87% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 944.39 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.1717 บาท ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 2,771.55 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.5039 บาท ลดลง 36% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 4,356.23 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.792 บาท
กองทุนมีรายได้รวม 1,460.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.65% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและลดลง 0.01% จากไตรมาสก่อน โดยมาจากรายได้ค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนําแสง 1,453.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.66% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยไม่เปลียนแปลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ดอกเบี้ยรับ 6.84 ล้านบาท ลดลง 0.44% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 2.70% จากไตรมาสก่อน
นอกจากนี้มีค่าใช้จ่ายรวม 100.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.46% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8.11% จากไตรมาสก่อน โดยเป็นค่าธรรมเนียมและค่าใชจ่ายในการบริหารกองทุน 20.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.86% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.09% จากไตรมาสก่อน ค่าใชจ่ายในการดําเนินงาน 66.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.49% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.65% จากไตรมาสก่อน
สำหรับรายได้จากการลงทุนสุทธิมีจำนวน 1,359.95 ล้านบาท ลดลง 0.18% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและลดลง 0.57% จากไตรมาสก่อน กําไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุน 99.83 ล้านบาท (ในเดือนมิ.ย.2561 กองทุนได้ว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระประเมินมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนําแสงให้เป็นมูลค่ายุติธรรมใหม่ซึ่งเป็นมูลค่า 57,700.00 ล้านบาท จึงรับรู้กําไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการประเมินมูลค่า
ปัจจุบันกองทุนมีทรัพย์สินเส้นใยแก้วนําแสงทั้งสิ้น 980,500 คอร์กิโลเมตร แบ่งออกเป็น ทรัพย์สินเส้นใยแก้วนําแสงในปัจจุบันรับมอบวันทําการซื้อขายทรัพย์สินเสร็จสิ้น 800,500 คอร์กิโลเมตร และทรัพย์สินเส้นใยแก้วนําแสงในอนาคตที่ทยอยรับมอบเท่ากับ 180,000 คอร์กิโลเมตร ภายใน 2 ปี JASIF จัดหาผลประโยชน์ในทรัพย์สินโดยให้ TTTBB เช่าเส้นใยแก้วนำแสงร้อยละ 80 ของเส้นใยแก้วนำแสงทั้งหมด ตามสัญญาเช่าหลักเป็นระยะเวลา 11 ปี (สิ้นสุดวันที่ 22 ก.พ. 2569) และประกันรายได้ค่าเช่าเส้นใยแก้วนำแสงส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 20 ตามสัญญาประกันรายได้ค่าเช่า มีระยะเวลาการเช่า 3 ปี (ต่ออายุสัญญาได้อีกครั้งละ 3 ปี จนกว่าจะครบอายุสัญญาเช่าหลัก)