เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้งตั้งเป้าเพิ่มพอร์ตบริหารสินทรัพย์ลูกค้าคนรวยแตะ 50% ใน 3 ปี

HoonSmart.com>>เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง ปรับกลยุทธ์เพิ่มบริการที่ปรึกษาบริหารทรัพย์สินครอบครัวรับมือโควิด-19 ตั้งเป้าให้บริการลูกค้าอย่างน้อย 50% ของพอร์ต ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันมีลูกค้า 3,600 ราย ครอบคลุมทรัพย์สินครอบครัวมูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้ให้บริการไพรเวทแบงก์รายแรกในไทยที่ส่งมอบ “บริการที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพย์สินครอบครัว (Family Wealth Planning Service)”และได้รับความสนใจจากลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ครอบครัวผู้มีสินทรัพย์สูงเริ่มเล็งเห็นถึงความสำคัญของการวางแผนรับมืออย่างเป็นระบบ

โดยเฉพาะการให้ทายาทรุ่นถัดไปได้เข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการธุรกิจเร็วยิ่งขึ้น จากผลสำรวจโดย Lombard Odier พบว่า 45% ของครอบครัวที่ยังไม่ได้จัดทำธรรมาภิบาลของครอบครัว สนใจที่จะเริ่มวางแผนบริหารทรัพย์สินครอบครัวในอนาคต

ซึ่งธุรกิจครอบครัวมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจไทย พบว่ากว่า 3 ใน 4 ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นธุรกิจครอบครัว และจากสถิติ 75% เป็นธุรกิจครอบครัวไทยที่อยู่ในการบริหารของรุ่นที่ 2 และมีเพียง 4% เท่านั้นที่อยู่ในการบริหารของรุ่นที่ 3 และ 4 ซึ่งสะท้อนว่าธุรกิจครอบครัวไทยส่วนใหญ่ยังจัดตั้งมาไม่นานและกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญในการเริ่มวางแผนเพื่อบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

นายพีระพัฒน์ เหรียญประยูร Chief – Wealth Planning, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารได้ให้บริการที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพย์สินครอบครัวแก่ลูกค้าทั้งสิ้นประมาณ 3,600 ราย หรือคิดเป็นประมาณ 720 ครอบครัว ครอบคลุมทรัพย์สินครอบครัว ทั้งธุรกิจและที่ดินรวมมูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท* ให้บริการFamily Wealth Planning คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 32% ซึ่งตั้งเป้าหมายจะเพิ่มให้เป็น 50% ในอีก 3 ปี ข้างหน้า

ซึ่งบริการที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพย์สินครอบครัวของ KBank Private Banking ครอบคลุม 6 ด้าน ได้แก่
1. การจัดโครงสร้างการถือครองทรัพย์สินของครอบครัว (Asset Holding Structures)
2. การบริหารความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของครอบครัว (Financial Asset, Liability and Risk Management)
3. การสร้างกติกาของครอบครัวและการสืบทอดธุรกิจ อย่างเป็นระบบ (Family Continuity Planning)
4. การวางแผนการส่งต่อทรัพย์สินจากรุ่นสู่รุ่น (Inheritance and Wealth Transfer)
5. การทำสาธารณกุศล (Philanthropy)
6. การทำหน้าที่เป็นสำนักงานของครอบครัว (Family Office)

“เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในด้านการบริหารความมั่งคั่งยิ่งขึ้น KBank Private Banking จะเร่งยกระดับบริการทั้งในด้านกลยุทธ์ในการพัฒนาระบบติดตามผล เพื่อช่วยให้ครอบครัวสามารถวางแผนและดำเนินการบริหารสินทรัพย์ได้อย่างเป็นขั้นตอนและต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังเตรียมเสริมบริการในด้านการทำสาธารณกุศลของครอบครัว และการอำนวยความสะดวกในเรื่องบริการสำนักงานครอบครัว (Family Office)” นายพีระพัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ปัจจุบัน KBank Private Banking มีจำนวนลูกค้าประมาณ 12,000 ราย สินทรัพย์ภายใต้การจัดการทั้งหมดประมาณ 8 แสนล้านบาท