HoonSmart.com>> “พีทีที โกลบอล เคมิคอล” โชว์กำไรไตรมาสแรกของปี 2564 พุ่งขึ้น 200% จากไตรมาส 1/63 ราคาขายทุกผลิตภัณฑ์ดีขึ้น เตรียมผุดโรงงานโอเลฟินส์แห่งใหม่ในเดือน พ.ค.นี้ ดันกำลังการผลิตรวม 3.73 ล้านตันต่อปี มองครึ่งหลังสดใส แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูง-ความต้องการที่ฟื้นตัว
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาสแรกประจำปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9,695 ล้านบาท มากกว่า 200% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 8,784 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 51% จากไตรมาส 4 ปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,405 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทมีรายได้จากการขายรวม อยู่ที่ 101,864 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 93,036 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาส 4 ปีก่อนที่ทำได้ 87,555 ล้านบาท การเติบโตมาจากราคาขายของทุกผลิตภัณฑ์ที่ปรับขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจโลก
กลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องดีขึ้น เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน (PE) เพิ่มขึ้น 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาส 4 ปีก่อน
ส่วนธุรกิจโรงกลั่น ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกับน้ำมันดิบดูไบปรับตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดบบริษัทฯยังคงบริหารจัดการรูปแบบการผลิต โดยปรับลดการผลิตน้ำมันอากาศยานและเปลี่ยนไปผลิตเป็นน้ำมันดีเซล ซึ่งบริษัทติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถบริหารจัดการการจัดหาน้ำมันดิบในการผลิต และส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์ให้มีความเหมาะสม โดยค่าการกลั่น (Market GRM) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3.17 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากไตรมาส 4 ปีก่อน อยู่ที่ 1.78 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ขณะที่โรงโอเลฟินส์แห่งใหม่ โดยใช้แนฟทาและก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เป็นวัตถุดิบหลัก โดยมีกำลังการผลิตเอมิลีนต่อปีอยู่ที่ 500,000 ตัน และโพรพิลีนอยู่ที่ 250,000 ตันต่อปี คาดว่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในเดือน พ.ค.2564 นี้ ส่งให้กำลังการผลิตโอเลฟินส์รวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3,738,000 ตันต่อปี จากเดิมที่ 2,988,000 ตันต่อปี
ส่วนโครงการ PTA โรงผลิตที่ 1 กำลังการผลิต 470,000 ตันต่อปี กลับมาดำเนินการปกติตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.2564 ที่ผ่านมาแล้ว ส่วนโครงการขยายกำลัการผลิตของโรง PET ที่เพิ่มเป็น 200,000 ตันต่อปี จากเดิม 147,000 ตันต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จตามแผนภายในไตรมาส 2 นี้
สำหรับภาพรวมในช่วงที่ช่วงครึ่งหลังของปี 2564 แนวโน้มของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ บริษัทคาดว่าฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก แต่ส่วนต่างผลิตภัณฑ์โดยรวมอาจจะถูกกดดัน เนื่องจากอุปทานส่วนเกินที่จะเข้ามา ส่วนโอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง คาดว่าราคาจะดีขึ้นต่อจากปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ดีขึ้น โดยบริษัทประเมินกรอบน้ำมันดิบดูไบในช่วงครึ่งหลังที่ 60-64 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก