OTO จัดทัพธุรกิจ แตกไลน์ Call Center

HoonSmart.com>>OTO เครื่องร้อน! ลุยปรับโครงสร้างธุรกิจ มุ่งสู่ Commercial Technology ต่อยอด Call Center และ Contact Center เตรียมเปิดตัวพันธมิตรในครึ่งหลังของปีนี้ แตกไลน์ธุรกิจใหม่ รับกระแส New Normal มั่นใจช่วยผลักดันผลงานโตก้าวกระโดด ราคาหุ้นขยับ 2 วัน วอลุ่มซัพพอร์ต 

นายคณาวุฒิ วรรทนธีรัช ประธานกรรมการบริหารร่วม และกรรมการ บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์  (OTO) เปิดเผยว่า กลุ่มทุนใหม่ได้เข้ามาศึกษา Business Model ของบริษัทฯ ขณะนี้เริ่มเห็นทิศทางที่ชัดเจนในการขยายไลน์ธุรกิจเข้าสู่การเป็นผู้ให้บริการ Commercial Technology ต่อยอด ธุรกิจ Call Center และ Contact Center ที่มีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมาก เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค ในยุค New Normal หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ Digital Technology เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น

“ที่ผ่านมาเราได้มีการเจรจากับพันธมิตรหลายราย ในการร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจ โดยใช้จุดแข็งจากฐานข้อมูล Call Center ที่เรามีอยู่ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในอนาคต คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของบริษัทฯเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต”นายคณาวุฒิกล่าวในที่สุด

ขณะที่ในวันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) (OTO) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า นางสุกัญญา วนิชจักร์วงศ์ ได้แจ้งลาออกจากตำแหน่ง กรรมการ ประธานกรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประธานกรรมการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน และกรรมการบริหารความเสี่ยง

และนางสาวเมธาวี สาวิเศษ ได้แจ้งลาออกจากตำแหน่ง เลขานุการบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2564 เป็นต้นไป

ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนให้ความสนใจซื้อขายหุ้นของบริษัท OTO มากกว่าปกติ  เห็นได้ชัดเจนจากราคาหุ้นขยับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 วัน รวม 8.18% โดยวันที่ 22 เม.ย. ปิดที่ 5.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 2.73% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาตาขึ้น 10 ล้านบาท และวันรุ่งขึ้น 23 เม.ย. ราคายังคงปรับตัวขึ้นต่อ ปิดที่ 5.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาทหรือ 5.31% ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากถึง 26.53 ล้านบาท เทียบกับที่ผ่านมาการซื้อขายหุ้นหลักล้านบาทต่อวัน บางวันเปลี่ยนมือเพียง 1-2 ล้านบาทเท่านั้น

ราคาหุ้น OTO ปรับตัวขึ้นสวนทางภาวะตลาดโดยรวมในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (22-23 เม.ย.) ดัชนีร่วงลงวันละ 0.93% ปิดที่ระดับ 1,553.59 จุด เนื่องจากนักลงทุนกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดในวงกว้างมีผู้ติดเชื้อทะลุ 2,000 คน เกรงว่าจะมีมาตรการมาดูแลเข้มงวด จนส่งผลกระทบต่อบางอุตสาหกรรม และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ