STARK ปลื้มสถาบันไทย-ตปท. แห่ถือหุ้น เชื่อมั่นธุรกิจโตกระโดด

HoonSmart.com>>STARK เนื้อหอม! สถาบันไทย-ตปท.ถือหุ้น เป็นพันธมิตร-เชื่อมั่นธุรกิจเติบโตก้าวกระโดด จากแนวโน้มอุตสาหกรรมสายไฟฟ้าและเคเบิ้ลโตทะลัก  ฟาก “ชนินทร์ เย็นสุดใจ”ตั้งเป้าสร้างผลงานนิวไฮต่อเนื่อง ปักธงปี 64 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20%

ชนินทร์ เย็นสุดใจ

นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น ( STARK )  เปิดเผยว่า  การปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด วันที่  5 เม.ย.  2564 พบ ผู้ลงทุนสถาบันไทย และต่างประเทศ ซึ่งเป็นกองทุนขนาดใหญ่ ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจำนวนมาก ส่งผลให้สถาบันมีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 10% จากเดิมอยู่ที่ 5%

ขณะที่ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ยังครองสัดส่วนการถือครองอยู่ที่ 70% ที่เหลือเป็นผู้ลงทุนรายบุคคล และอื่น ๆ

ทั้งนี้ กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ถือหุ้น ประกอบด้วย บลจ.บัวหลวง ถือหุ้น 157 ล้านหุ้น , บลจ.ไทยพาณิชย์  95 ล้านหุ้น, บลจ.เกียรตินาคินภัทร  101 ล้านหุ้น,บลจ.กรุงไทย  59 ล้านหุ้น

บล.เจพีมอร์แกน (ประเทศไทย)  13 ล้านหุ้น, บลจ.เอ็มเอฟซี  11 ล้านหุ้น, บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย)  10 ล้านหุ้น, บลจ.กสิกรไทยถือหุ้น 9 ล้านหุ้น และกลุ่มบริษัท บีทีเอส ถือหุ้น 35 ล้านหุ้น

กลุ่มสถาบันต่างประเทศ ประกอบด้วย บล.เครดิตสวิส ถือหุ้น 108 ล้านหุ้น, ธนาคารเอชเอสบีซี 109 ล้านหุ้น, แบงค์ ออฟ สิงคโปร์  108 ล้านหุ้น, ธนาคารเซาธ์ อีส เอเซีย  66 ล้านหุ้น, ยูบีเอส 48 ล้านหุ้น ฯ  รวมทั้งยังมีกลุ่มนักลงทุนรายบุคคล นายนเรศ งามอภิชน เป็นต้น

“ที่ผ่านมา กองทุนขนาดใหญ่ได้ให้ความสนใจ และติดต่อขอข้อมูลเพื่อนำไปศึกษาก่อนที่จะตัดสินใจเข้ามาลงทุน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัทฯ โดยเฉพาะแผนการดำเนินธุรกิจมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน ขณะที่อุตสาหกรรมสายไฟฟ้า และสายเคเบิ้ล มีแนวโน้มการเติบโตได้อย่างโดดเด่นจากความต้องการใช้ทั่วโลกเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันให้สามารถสร้างผลงานนิวไฮได้อย่างต่อเนื่อง”

ประธานกรรมการ กล่าวอีกว่า การที่กลุ่มสถาบันได้เพิ่มสัดส่วนถือครอง ส่งผลให้จำนวนหุ้นหมุนเวียนในตลาด (free float) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 29% จากเดิม 21%

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2564 ตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้ เติบโต 15-20% และมั่นใจว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง โดยจะมาจากรายได้หลักคือ ธุรกิจสายไฟฟ้า และสายเคเบิ้ล มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีไปพร้อมกับอุตสาหกรรมไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทยังมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยเป็นงานทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะทยอยรับรู้ต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯมีความพร้อมที่จะยื่นเข้าประมูลงานโครงการใหม่อีกจำนวนมาก

ส่วนกลยุทธ์ในการบริหารในปีนี้จะมุ่งเน้นการขายสินค้าในกลุ่มที่มีความสามารถในการทำกำไรได้สูง (High Margin) โดยเฉพาะกลุ่มสายไฟแรงดันระดับกลาง จนถึงระดับสูงพิเศษที่มีการเติบโตสูง เพื่อรองรับโครงการต่างๆ ของภาครัฐและเอกชน พร้อมกับการควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการบริหารจัดการร่วมกันของกลุ่มบริษัท จะช่วยให้เพิ่มความสามารถในการทำกำไรมากขึ้น