หุ้นไทยพุ่ง 22 จุด “PTT-PTTGC” ไปต่อเมินผลขาดทุนกรณี GGC สต็อกวัตถุดิบหายหลังบริษัทฯ แจ้งผลตรวจสอบและเริ่มดำเนินการตามกฎหมาย “นักบัญชี” ชี้ต้องบันทึกผลขาดทุนทันที 2.1 พันล้านบาท กดหุ้น GGC ร่วงสวนตลาด
ตลาดหุ้นไทยวันที่ 1 ส.ค.2561 ปรับตัวขึ้นแรงดัชนีปิด 1,722.01 จุด เพิ่มขึ้น 20.22 จุด หรือ +1.19% มูลค่าซื้อขาย 60,924.68 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1.1 พันล้านบาท นำโดยหุ้น PTT ปิด 52.50 บาท +1.25 บาท หรือ +2.44% ซื้อขายสูงสุด 5,994.90 ล้านบาท และ PTTGC ปิดที่ 84.50 บาท +2.75 บาทหรือ +3.36% โดยหุ้นทั้ง 2 ตัวไม่ได้รับผลกระทบแม้ต้องรับรู้ผลขาดทุนกรณี GGC ต้องบันทึกผลขาดทุนทันทีจากวัตถุดิบคงคลังหายมูลค่า 2.1 พันล้านบาท
ขณะที่ราคาหุ้น GGC ปรับตัวลงสวนตลาด ระหว่างวันลง 5.55% และปิดที่ 10.60 บาท -0.20 บาท หรือ -1.85% มูลค่าซื้อขาย 94.63 ล้านบาท หลังจากบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) เปิดเผยสาเหตุที่ทำให้วัตถุดิบคงคลังหายไปประมาณ 2,100 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทจะดำเนินคดีกับบุคคลภายในบริษัทและภายนอกบริษัท เพื่อเรียกคืนความเสียหายให้ลดลงต่ำกว่า 2,100 ล้านบาทที่ประเมินก็ตาม
ด้านนักบัญชี ระบุว่า GGC จะต้องบันทึกผลขาดทุนทันที 2,100 ล้านบาทในงบไตรมาส 2/2561 เนื่องจากในเดือนมิ.ย.2561 คณะกรรมการบริษัทฯได้รับทราบรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับปัญหาเรื่องวัตถุดิบอย่างเป็นทางการ
ขณะเดียวกันในไตรมาส 2 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ก็ต้องรับผลขาดทุนเช่นเดียวกัน ตามสัดส่วนการถือหุ้น GGC จำนวน 72.29% คิดเป็นเงินประมาณ 1,518 ล้านบาท และ บริษัทปตท.(PTT) ถือหุ้น PTTGC จำนวน 48.79% รับผลขาดทุนประมาณ 740 ล้านบาท
“ผลขาดทุน 2,100 ล้านบาท เป็นเม็ดเงินจำนวนมาก สำหรับ GGC ที่มีกำไรสุทธิประมาณ 936 ล้านบาท และ 520 ล้านบาทในปี 2559-2560 ตามลำดับ ส่วนผลกระทบต่องบการเงินของ PTTGC และ PTT เป็นเพียงเล็กน้อย จึงทำให้ราคาหุ้นของทั้งสองบริษัทยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ตามภาวะตลาดหุ้นโดยรวมที่พุ่งขึ้นแรงกว่า 10 จุด ”
นักบัญชียังกล่าวอีกว่า ตามหลักการบันทึกบัญชี การที่บริษัทระบุว่าจะติดตามวัตถุดิบกลับคืนมาได้ เพื่อให้ความเสียหายลดลงต่ำกว่า 2,100 ล้านบาทที่ประเมินไว้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถนำมาหักกลบผลขาดทุนได้ทันที ผู้ตรวจสอบบัญชีจะต้องเห็นหลักฐาน หรือ แน่ใจว่าเม็ดเงินที่บริษัทฯประเมินไว้จะได้คืนมาแน่นอน
“กรณีผู้กระทำความผิด หรือคู่ค้า เซ็นสัญญารับผิดชอบชดเชยความเสียหายก็ยังไม่เพียงพอ จะต้องประเมินว่ามีความสามารถในการชำระเงินคืนให้บริษัทได้หรือไม่ มีฐานะการเงินเพียงพอไหม ถ้าไม่แน่ใจ ผู้สอบตรวจบัญชีก็ยังไม่ยินยอมให้หักลบผลขาดทุน 2,100 ล้านบาท ซึ่ง เชื่อว่าจะดำเนินการตามกฎหมาย และเอาตัวคนผิดมารับผิดชอบ ยังต้องใช้เวลาอีกนาน ” นักบัญชีกล่าว
ด้านนายอัฒฑวุฒิ หิรัญบูรณะ รักษาการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการตรวจสอบหาสาเหตุที่ทำให้วัตถุดิบคงคลังหายไปประมาณ 2,100 ล้านบาทว่า เป็นการกระทำอันมิชอบร่วมกันของคู่ค้าบางรายกับพนักงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของบริษัทฯ เมื่อบริษัทฯได้สั่งซื้อวัตถุดิบจำนวนหนึ่ง แต่ในความจริงไม่มีการส่งมอบวัตถุดิบหรือส่งมอบเพียงบางส่วน จึงทำให้วัตถุดิบคงคลังในระบบสูงกว่าปริมาณที่มีอยู่จริงในสถานที่จัดเก็บ
นอกจากนี้ยังรวมถึงส่วนที่บริษัทฯจัดส่งวัตถุดิบไปให้คู่ค้า เพื่อทำการจ้างกลั่น แต่ปรากฎว่า คู่ค้าไม่ได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่จ้างกลั่นให้ตามสัญญา และไม่มีการส่งมอบคืนวัตถุดิบให้บริษัทด้วย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้เริ่มดำเนินการทางกฎหมายตามมติของคณะกรรมการบริษัทฯกับผู้เกี่ยวข้องทั้งภายนอกและภายในบริษัทไปแล้ว นอกจากนี้บริษัทฯก็ได้มีการสอบสวนทางวินัยกับพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องควบคู่กัน
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น อาจจะลดลงต่ำกว่าจำนวน 2,100 ล้านบาทที่ประเมินไว้ บริษัทฯมีสิทธิตามกฎหมายที่จะเรียกคืนเงินค่าวัตถุดิบที่ได้ชำระไปโดยไม่มีการส่งมอบวัตถุดิบหรือสามารถทวงถามให้มีการส่งมอบวัถุดิบที่ยังมิได้มีการส่งมอบไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
นอกจากนี้ยังมีกรณีการเรียกเก็บเงินที่บริษัทฯได้รับแจ้งจากบุคคลภายนอกที่ได้รับโอนสิทธิการรับชำระเงินค่าวัตถุดิบไปจากคู่ค้าบางราย ซึ่งบริษัทฯได้พิจารณาจากเอกสารที่ได้รับแจ้งมาแล้วพบว่าเป็นเอกสารที่ไม่อยู้ในระบบของบริษัทฯและไม่พบหลักฐานการส่งมอบวัตถุดิบตามที่ระบุในเอกสารดังกล่าว ซึ่งที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทฯมีความเห็นว่าตามบทบัญญัติของกฎหมาย บริษัทฯไม่น่าจะมีหน้าที่ที่จะต้องชำระเงินค่าวัตถุดิบ หากไม่มีการส่งมอบวัตถุดิบให้บริษัทฯตามที่มีการเรียกให้ชำระราคาดังกล่าว เว้นแต่จะมีข้อเท็จจริงชี้ชัดเป็นอย่างอื่น บริษัทฯจึงได้สั่งให้ที่ปรึกษากฎหมายทำการศึกษาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้แน่ชัด เพื่อที่บริษัทฯจะได้ดำเนินการอย่างเหมาะสมต่อไป
ในส่วนระบบการควบคุมภายในที่ผ่านมา บริษัทใช้หลักแบ่งแยกหน้าที่ สำหรับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการด้านวัตถุดิบคงคลังของบริษัทฯเพื่อให้กระบวนการดังกล่าวมีการควบคุมที่เพียงพอ โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการสั่งซื้อวัตถุดิบ กระบวนการรับมอบและจัดเก็บวัตถุดิบคงคลัง และกระบวนการอนุมัติจ่ายค่าวัตถุดิบ โดยในช่วงปี 2560 บริษัทฯไม่พบข้อมูลที่บ่งชี้ว่าปริมาณวัตถุดิบคงคลังขาดหายไป แต่ในช่วงเดือนมิ.ย.2561 คณะกรรมการบริษัทฯได้รับทราบรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับปัญหาเรื่องวัตถุดิบ และได้ให้นโยบายในการปรับปรุงการดำเนินธุรกิจเพื่อแก้ปัญหาระยะยาวในอนาคต เน้นการลดระดับการพึ่งพาบุคคลภายนอก
บริษัทเชื่อว่าระบบควบคุมภายในที่ใช้หลักแบ่งแยกหน้าที่ เพื่อป้องกันไม้ให้มีการกระทำจากการคิดมิชอบและการไปตรวจนับปริมาณวัตถุดิบคงคลังที่บริษัทฯจัดเก็บไว้ทั้งภายในและภายนอกเป็นครั้งคราวนั้น มีประสิทธิภาพและมีความเพียงพอตามมาตรฐานทั่วไปของระบบควบคุมภายในแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อบริษัทฯได้รับทราบสาเหตุของปัญหาโดยละเอียดแล้ว เชื่อว่าสามารถปรับปรุงขั้นตอนและระบบต่างๆ เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่สามารถป้องกันปัญหาในลักษณะเดิม หรือการกระทำอันมิชอบในลักษณะอื่นๆมิให้เกิดขึ้นอีก รวมถึงช่วยส่งเสริมการควบคุมภายในและช่วยให้กระบวนการตรวจสอบสามารถพบปัญหาหรือความเสี่ยงต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น หลังจากปรับปรุงขั้นตอนและระบบต่างๆบางส่วนไปแล้ว
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทฯยังมีมติให้พิจารณาปรับปรุงนโยบาย Whistleblower ที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และให้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญภายนอกเพื่อดำเนินการทบทวน สอบทาน รวมถึงให้ความเห็นในการปรับปรุงระบบควบคุมภายในบริษัทในเรื่องกระบวนการจัดหาวัตถุดิบทั้งกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้เกิดความรัดกุมมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะสามารถสรุปความเห็นและประเด็นที่ตรวจพบได้ภายในประมาณต้นเดือนส.ค.2561
****************
ติดตามข่าว หุ้นเด่น ประเด็นร้อน #HoonSmart #หุ้นสมาร์ท ได้ที่
Facebook : www.facebook.com/HoonSmart
Line : https://line.me/R/ti/p/%40hoonsmart.com