เงินเฟ้อทั่วไปก.ค.เพิ่ม 1.46%

พาณิชย์เผยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.46% ส่งผลให้ 7 เดือนแรกของปีนี้ อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 1.04%

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนก.ค.2561 อยู่ที่ 102.00 ขยายตัว 1.46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากเทียบเดือน มิ.ย.61 ลดลง 0.05% ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือน ก.ค.2561 ขยายตัว 0.79% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2561 (ม.ค.-ก.ค.) อัตราเงินเฟ้อทั่วไปขยายตัวเฉลี่ย 1.04% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวเฉลี่ย 0.70%

สำหรับปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนก.ค.2561 ขยายตัวดังกล่าว มาจากดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มอยู่ที่ 102.19 ขยายตัว 2.29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัว 0.10% เมื่อเทียบเดือน มิ.ย.2561 ส่วนดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 101.68 ขยายตัว 0.02% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.33% เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.2561

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ก.ค.2561 ที่เพิ่มขึ้น 1.46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 โดยมีสาเหตุหลักจากสินค้าในหมวดพลังงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 20 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวยังสอดคล้องกับดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 และดัชนีราคาผู้ผลิตที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 สะท้อนว่าต้นทุนการผลิตเริ่มมีสัญญาณการปรับตัว

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า ซึ่งคำนวณจากสินค้า 442 รายการ พบว่ามีสินค้าที่ราคาสูงขึ้น 224 รายการ เช่น ข้าวสารเจ้า, ยาสระผม, น้ำมันเชื้อเพลิง, ก๊าซหุงต้ม, บุหรี่ และกาแฟสำเร็จรูป เป็นต้น ส่วนสินค้าที่ราคาลดลง มี 114 รายการ เช่น เนื้อสุกร, น้ำมันพืช, ไข่ไก่, น้ำยาล้างจาน และโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น และสินค้าอีก 84 รายการ ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

“อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนก.ค.2561 ที่เพิ่มขึ้นนั้น นอกจากจากความต้องการและราคาพลังงานที่สูงขึ้นแล้ว ยังได้รับอิทธิพลจากการปรับตัวของต้นทุนการผลิต ทั้งจากการผลิตในภาคเกษตรและนอกภาคเกษตรที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ ทั้งที่เกิดจากปัจจัยด้านการตลาด, ปัจจัยด้านการผลิต และราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้คาดว่าแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะถัดไปจะมีองค์ประกอบที่มาจากด้านต้นทุนการผลิตมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาพลังงาน ประกอบกับการคาดการณ์ของผู้บริโภคว่าราคาสินค้าในอนาคตจะขยับสูงขึ้นตามราคาพลังงาน ในขณะที่ยังมีความเชื่อมั่นต่อการจับจ่ายใช้สอยที่ทำให้กำลังซื้อยังเติบโตได้ดี เนื่องจากรายได้ภาคเกษตรยังเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 กระทรวงพาณิชย์จึงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้จะอยู่ที่ 1.2% ซึ่งอยู่ในกรอบที่ประเมินไว้ที่ 0.8-1.6% และเข้าสู่เป้าหมายนโยบายการเงินระยะปานกลางที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดไว้ที่ 1-4% ได้

อย่างไรตาม แม้ผู้บริโภคจะมีความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค แต่ยังมีเรื่องหนี้ครัวเรือนที่เป็นปัจจัยกดดันต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคอยู่