ลุ้นดัชนีทะลุ 1,600 จุด ซื้อหุ้นอะไรดี?

HoonSmart.com>>ในสัปดาห์นี้ (29 มี.ค.-2 เม.ย.2564) ตลาดหุ้นน่าจะมีการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบไตรมาส 1/2564 และได้แรงหนุนปัจจัยบวกจากทั้งใน-ต่างประเทศ สร้างโอกาสผลักดันให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วิ่งขึ้นไปทดสอบระดับ 1,600 จุดได้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีกำไร …

นักลงทุนจะต้องใช้กลยุทธ์เลือกหุ้น “ถูกตัว ถูกจังหวะ” สัปดาห์นี้เชื่อว่าตลาดขานรับข่าวดี การทยอยเปิดเศรษฐกิจของสหรัฐได้สำเร็จ เห็นได้จากดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 450 จุด ราคาน้ำมันดิบดีดกลับแรงกว่า 4% ขณะเดียวกันประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้ว ทำให้ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากเจอพายุใหญ่ จากวิกฤตการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) มองว่า แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังเข้ามาไม่มาก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี สำหรับทั้งปี 2564 ทางธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 3 ล้านคนก่อนก้าวกระโดดเป็น 21.5 ล้านคนในปีหน้า ส่งผลบวกต่อกลุ่มสนามบิน, สายการบิน, บริษัทเติมน้ำมันอากาศยาน, โรงแรม, สปา, อาหาร เครื่องดื่ม เป็นต้น แนะนำทยอยสะสมเพื่อลงทุน อย่างน้อย 7 บริษัท ได้แก่ AOT, AAV, BAFS, ERW, MINT, CENTEL, SPA เป็นต้น

ส่วนบล.โนมูระ พัฒนสิน ยกหุ้นโรงพยาบาล-ค้าปลีกได้ดีด้วย แนะ CPALL, BJC, CRC, SPA, BDMS, BH

ด้านค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนตัวลง จะสนับสนุนการส่งออก โดยบล.ทรีนีตี้ ไม่ประหลาดใจตัวเลขส่งออกออกมาติดลบ 2.5% เพราะหากหักในหมวดทองคำออก การส่งออกจะพลิกกลับมาเติบโตได้ถึง 4 %  โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเกษตรและอาหารโตได้ดี ดังนั้นยังคงแนะนำหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่ม เช่น CPF และ TU  ให้ราคาเป้าหมาย 45 บาทและ 18.4 บาทตามลำดับ ส่วนถุงมือยางก็โตก้าวกระโดด 215% รวมถึงอุปกรณ์รถยนต์ที่ขยายตัว 15% ยังคงแนะนำ ซื้อ AH และ STGT ที่ราคาเป้าหมาย 28.7 บาทและ 54 บาท

บล.โนมูระฯมองว่าใกล้เดือน เม.ย. จะเป็นช่วงที่สัญญากู้สำหรับบ้านหลังที่ 2 หลุดเกณฑ์เงื่อนไข LTV เดิมที่จำกัด LTV ที่ 80% ขยับเพิ่มเป็น 90% ลูกค้าจะขอวงเงินกู้ได้เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์  คำแนะนำเชิงพื้นฐานแนะนำ SPALI, AP เชิง Momentum จับตา SIRI, PF

สำหรับนักลงทุนที่ชอบเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก ทาง บล.เอเซียพลัสได้วิจัยลงลึก แนะนำ 8 หุ้นเด่น 100 เดียวก็ซิ่งได้ ได้แก่ 7UP, AKR, CCP, ESTAR, KIAT, OCEAN, PRIMEและ SKE  คัดกรองหุ้นที่มีกำไร ราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี (บุ๊ค) พอจะมีสภาพคล่อง เพิ่มความคุ้มเสี่ยงมากขึ้นที่จะเข้าไปเก็งกำไรในช่วงนี้

ขณะเดียวกันปัจจัยบวกที่ทยอยออกมา รวมถึงความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) สามารถสร้างความมั่นใจให้นักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรในปี 2564-2565 และเป้าหมายดัชนีหุ้นในปีนี้ขึ้นเหนือ 1,600 จุด นับเป็นข่าวดีที่สามารถตีกลับได้รวดเร็วขึ้นไปหาจุดสูงสุดของปีที่ที่ผ่านมาระดับ 1,600.48 จุด จากที่ดิ่งลงไปปิดต่ำสุดที่ 1,024.46 จุด

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจะต้องติดตามข้อมูลการซื้อขายของผู้บริหารด้วย เพราะราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นแรงและเร็วจูงใจให้ขายทำกำไร เห็นได้บริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล (NCAP) ราคาไหลลงติดต่อกัน 5 วันทำการ จากวันที่ 19 มี.ค.ปิดที่ 14.80 บาท มาถึงวันที่ 26 มี.ค.ปิดที่ 12.50 บาท รวมทรุดลง 2.30 บาท มากถึง 15.54% เหตุผลหนึ่งเกิดจาก นางสาว สุธิดา มงคลสุธี กรรมการ บริษัทรายงานว่า คู่สมรส/ผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา(นาย ปฏิญญา เทวอักษร ) ขายหุ้นออกมาติดต่อกัน (22-24 มี.ค. ) รวม 1.63 ล้านหุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 21.63 ล้านบาท แบ่งเป็นจำนวน 999,000 หุ้น ราคาเฉลี่ย 13.43 บาท ขายต่อ 210,000 หุ้น ราคา 12.97 บาทและจำนวน 420,000 หุ้น ราคา 13.07 บาท

ในทางกลับกัน บริษัทเน็กซ์ พอยท์ (NEX) นาย อมร ทรัพย์ทวีกุล คู่สมรส/ผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา (นางสาว วัสสา ริมชลา) ซื้อหุ้นจำนวน 8.8 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย หุ้นละ  5.13 บาท ใช้เงินมากถึง 45 ล้านบาท ณ วันที่ 24 มี.ค. ถือทั้งหมด 12,625,000 หุ้น  และบริษัทนอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) นาย ชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ซื้อเพิ่ม  1 ล้านหุ้น ราคา 5.40  บาท เป็นเงิน 5.40 ล้านบาท ณ วันที่ 25 มี.ค.2564  ถือหุ้นทั้งหมด 604,879,200 หุ้น มากกว่าที่เปิดเผยในการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นครั้งล่าสุดวันที่ 5 มี.ค.ถือหุ้นใหญ่ที่สุดจำนวน 526 ล้านหุ้น  สัดส่วน 32.58% ของทุนเรียกชำระแล้ว

เจ้าของไม่ขายหุ้นใส่ “รายย่อย” ก็มีความปลอดภัยดี