YLG มองราคาทองระยะยาวยังเป็น “ขาขึ้น” ช่วงสั้นระวังปรับฐาน

HoonSmart.com>> “วายแอลจี” มองราคาทองคำในระยะยาวยังเป็นขาขึ้น เหตุมีแรงซื้อทองคำจากจีนและอินเดียคอยพยุงตลาดในช่วงราคาปรับลดลง ชี้ปกติทั้งปีจีน-อินเดียซื้อทองคำกายภาพราวกันเกือบ 2,000 ตัน แต่ระยะสั้นยังต้องระวังราคาปรับฐาน หากหลุด 24,000 บาท อาจเป็นขาลง แนะหาจังหวะขายหากดีดกลับไม่ผ่านแถว 26,000 บาท พร้อมเพิ่มบริการจ่ายเงินผ่าน QR Code สำหรับนักลงทุนมือใหม่ในโปรแกรมมออมทอง เริ่มต้นลงทุนทองเพียง 100 บาท ซื้อขายได้ 24 ชั่วโมง

น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่า แม้ในระยะสั้นและระยะกลางราคาทองคำในตลาดโลกยังผันผวนและยังเป็นการแกว่งตัวลง แต่อย่างไรก็ตามในระยะยาวปีนี้ยังมองว่าทองคำยังเป็นขาขึ้น โดยที่ผ่านมาพบว่าแม้ราคาทองคำจะปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่องนับจากต้นปีเนื่องจากกองทุนทองคำทำการขายต่อเนื่อง ภาพรวมปีนี้นับแต่ต้นปีขายออกมาแล้วมากว่า 127 ตัน แต่เมื่อมีการปรับลดลงมาจะมีแรงซื้อทองคำที่เป็นกายภาพจากผู้ผลิตเครื่องประดับและผู้บริโภคชาวจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่อันดับ 1 และ 2 ของโลกที่ปกติจะมีการเข้าซื้อรวมกันเกือบ 2,000 ตัน ซึ่งถือเป็นปริมาณค่อนข้างมากเข้ามาพยุงราคาไว้

นอกจากนี้ระยะยาวทองคำยังมีปัจจัยหนุนจากเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ใช้เม็ดเงินจำนวนมาก และอาจจะส่งผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคาทองคำในระยะยาวเช่นกัน ส่วนประเด็นเรื่องโควิด -19 ที่เริ่มคลี่คลายนั้น ก็เป็นประเด็นทำให้ราคาทองคำในระยะสั้นมีความเสี่ยงแกว่งตัวปรับลดลง ดังนั้นในระยะสั้นยังต้องระมัดระวัง เพราะหากราคาทองคำปรับลดลงต่ำกว่า 24,000 บาทต่อบาททองคำ ราคาทองคำอาจจะเป็นขาลง เพราะสถานการณ์โควิด -19 ก็เริ่มเห็นการคลี่คลายจากการกระจายวัคซีนที่มากขึ้น

“สำหรับนักนักลงทุนที่ถือครองทองคำแนะนำว่าหากราคาทองคำดีดขึ้นไปและไม่ผ่านแถว 26,000 บาทต่อบาททองคำ แนะนำให้ขายทำกำไรออกไปก่อน ส่วนนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อมองว่าระดับราคา 25,000-24,500 บาทต่อบาททองคำเป็นจุดที่สามารถเข้าซื้อได้”น.ส.ฐิภา กล่าว

สำหรับการเคลื่อนไหวทางเทคนิคของราคาทองคำนั้น จะยังแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ในกรอบแนวต้านที่ 1,760 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากไม่ผ่านจะมีแรงขายทำกำไรสลับเข้ามา แต่หากสามารถยืนได้ที่ 1,720 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ มีแนวโน้มจะไปทดสอบกรอบแนวต้านอีกครั้ง อย่างไรก็ดี หากหลุด 1,720 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ก็จะมีโอกาสปรับลงมาและมีโอกาสกลับไป 1,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และ 1,676 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ตามลำดับ กลับกันหากทะลุผ่าน 1,760 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ทิศทางราคาในระยะสั้นจะเป็นบวกมากขึ้น

ทั้งนี้สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการลงทุนในทองคำหรือต้องการสะสมทองคำโดยเงินเริ่มต้นที่ไม่มากนั้น สามารถใช้บริการโปรแกรมออมทองของวาลแอลจี (YLG GOLD SAVING) ที่เริ่มต้นซื้อทองครั้งแรกเพียง 100 บาท แล้วทำการสะสมจนกว่าจะครบตามจำนวนที่ต้องการ หรือสามารถขายออกได้ทันที่พอใจ ซึ่งล่าสุดวายแอลจียังได้เพิ่มความสะดวกสำหรับลูกค้าด้วยการเพิ่มช่องทางชำระเงินผ่าน QR Code ได้ตลอด 24 ชั่วโมง