HoonSmart.com>> กนง.มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยที่ 0.50% ตามคาด บล.เอเซีย พลัส มองบวกต่อหุ้นแบงก์ ท่องเที่ยว ส่งออก ค้าปลีกและรับเหมาฯ ด้านบล.โนมูระฯ แนะกลุ่มท่องเที่ยว 7 หุ้นเด่น กบข.ชี้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว บอนด์ยีลด์สหรัฐฯแตะ 1.8-2.0% กดดันกลุ่มเทคโนโลยี มองดีกลุ่มธุรกิจที่จะกลับมาเปิดปกติ “กลุ่มคุณค่า-วัฏจักร-การเงิน-พลังงาน-ท่องเที่ยว” ดัชนีหุ้นบวก 6 จุดสวนทางภูมิภาค ต่างชาติซื้อ 839 ล้านบาท
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% และปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2564 เหลือ 3.0% จากเดิมคาดโต 3.2% ก่อนขยายตัว 4.7% ปี 2565 ในการประชุมวันที่ 24 มี.ค.2564
นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการ กนง. กล่าวว่า การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายที่มีจำกัด ใช้ในจังหวะที่เหมาะสมและเกิดประสิทธิผลสูงสุด เนื่องจากเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่เผชิญกับความเสี่ยงด้านต่ำและความไม่แน่นอนสูงในระยะข้างหน้า เช่น การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงความต่อเนื่องของแรงสนับสนุนจากภาครัฐ จึงยังต้องการแรงสนับสนุนดอกเบี้ยต่ำอย่างต่อเนื่อง
บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส ระบุว่า การปรับลดประมาณการเศรษฐกิจเหลือ 3% แต่ยังถือว่าสูงกว่า Consensus คาดราว 2-2.8% โดยกนง.ปรับเพิ่มส่งออก บริโภคครัวเรือนและการลงทุนรัฐ ยกเว้นเพียงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ปรับลดลง
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย บล.เอเซีย พลัส คาดกนง.จะคงที่ 0.5% ตลอดปี 2564
“เราประเมิน Sentiment ต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร แนะ BBL, KBANK, TISCO กลุ่มส่งออก แนะ CPF,TU,TFG กลุ่มค้าปลีก แนะ CRC,CPALL, MAKRO และกลุ่มรับเหมา แนะ STEC,CK,SQ”บล.เอเซีย พลัสระบุ
บล.โนมูระ พัฒนสิน มองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มการเปิดประเทศแนะ CENTEL, CPALL, BJC, CRC, SPA, BDMS, BH
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษกำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี คาดว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวดีขึ้น ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เกิดแรงเทขายพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยีลด์)พุ่งสูงขึ้นถึง 1.7% ซึ่งสูงสุดในรอบ 14 เดือน แต่เริ่มอ่อนตัวลงเล็กน้อย ซึ่งยังไม่มีนัยยะสำคัญ
“กบข. คาดบอนด์ยีลด์อาจปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 1.8-2.0% ในปีนี้ เป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าขึ้น ด้านค่าเงินบาทมองว่าอยู่ที่ระดับ 31.0-31.2 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ โดยเฉพาะภาคบริการและการท่องเที่ยวที่ยังต้องพึ่งพารายได้จากต่างชาติ คาดว่าธุรกิจการท่องเที่ยวจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในปี 2565″กบข.ระบุ
ตลาดหุ้นไทยขึ้นสวนทางภูมิภาคที่ภาพรวมหุ้นทั่วโลกกังวลรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลและล็อกดาวน์รอบใหม่ในเยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี ระหว่างวันดัชนีอ่อนตัวลงแต่สุดท้ายปิดที่ระดับ 1,570.83 จุด เพิ่มขึ้น 6.58 จุด หรือ +0.42% มูลค่าการซื้อขาย 85,436.91 ล้านบาท โดยนักลงทุนไทยซื้อสุทธิ 1,360 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 839.03 ล้านบาท สวนทางสถาบันไทยขาย 2,122.21 ล้านบาท ส่วนเงินบาทปิดตลาดที่ 31.01 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัว