ตื่นทิ้ง EA พื้นฐานไม่เปลี่ยน ฟินันเซียฯชวนซื้อ เป้า 76 บาท

HoonSmart.com>>”พลังงานบริสุทธิ์”ถูกเทกระจาดช่วงบ่ายปิดร่วงไปกว่า 5% สวนทางพื้นฐานแข็งแกร่ง ผู้บริหารให้ข้อมูลนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งมองลบ เล็งหั่นคำแนะนำและเป้า 47.50 บาท ห่วงรถยนต์ไฟฟ้า มาช้า แพ้คู่แข่งต่างประเทศ รถบัสไฟฟ้า 2,500 คันล่าช้าซ้ำเติม บริษัทยันไม่ต้องห่วงกำลังผลิตรอส่งมอบรถบัส EV 150 คันให้รถเมล์ร่วมบริการ ส่วนนักวิเคราะห์บล.ฟินันเซียฯ เห็นกำไรปีนี้ยังโตก้าวกระโดด 38-48% หุ้นลงเป็นโอกาสซื้อ

การซื้อขายหุ้นบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ (EA) วันที่ 8 มี.ค. 2564 ราคาพลิกจากภาคเช้าขึ้นไปสูงสุด 63.75 บาท ก่อนถลาลงแรงในช่วงบ่าย กดลงไปต่ำสุดแถว 59 บาท ก่อนปิดที่ 59.75 บาท -3.50 บาทหรือ 5.53% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 3,540 ล้านบาท หลังจากบริษัทพบนักลงทุนและผู้บริหารประชุมร่วมกับนักวิเคราะห์ โดยบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ หลังประชุมร่วมกับผู้บริหารว่ามีมุมมองลบ โดยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการอีกครั้ง จากคำแนะนำก่อนหน้า “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 47.50 บาท เนื่องจากความล่าช้าของธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (รถยนต์ EV) ทำให้มีความเสี่ยงจากการแข่งขันในตลาด EV เพิ่มมากขึ้น เพราะผู้ประกอบต่างชาติทยอยเข้าสู่ตลาดในประเทศอย่างต่อเนื่อง

บล.เมย์แบงก์ฯระบุว่า ผู้บริหารให้ข้อมูล เรื่องการส่งมอบรถแท็กซี่ไฟฟ้า จำเป็นต้องเลื่อนออกไปปลายปี 2564 และต้องข้ามไปปี 2565 เนื่องจากผู้ซื้อได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 ทำให้สมมุติฐานที่ 2,300 คันในปีนี้ จึงสูงเกินไป และ EA จะนำอุปกรณ์และกำลังพลไปผลิตรถบัสไฟฟ้าแทนระหว่างนี้ อีกประเด็นสำคัญคือ แผนปฎิรูปรถเมล์ ขสมก. สำหรับรถเมล์ 2,500 คันที่ล่าช้า ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนมาเป็น TOR เพื่อการประมูลรถได้ทันในปี 2563 นั้นผู้บริหารคาดหวังว่าในปี 2564 จะมีความคืบหน้าและเปิดประมูลได้ในที่สุด

ส่วนการผลิตแบตเตอรี่ จะเริ่มขึ้นในไตรมาส 2/2564 คาดว่ากำลังการผลิตจะค่อยๆเร่งขึ้นไปใกล้ 0.5 Gwh ได้ เพื่อใช้สนับสนุนธุรกิจ รถไฟฟ้า รถบัสไฟฟ้า ซึ่งตอนนี้มีรถบัสไฟฟ้ารอผลิตเพื่อส่งมอบ 300-400 คัน ส่วนเรือไฟฟ้า ตั้งแต่ลำที่ 7 จะเริ่มใช้แบตเตอรี่ของบริษัท หลังจากเรือ 6 ลำได้ใช้ของบริษัทลูกจากไต้หวัน

นอกจากนี้บริษัทตั้งงบลงทุน 6,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นจะใช้เพิ่มประสิทธิภาพของแผงโซลาร์ เพราะราคาแผงลงต่ำมาก เพื่อเพิ่มผลตอบแทนในการผลิตไฟฟ้า มองว่าคุ้มกับ IRR ที่สูงขึ้น

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองการอ่อนตัวของราคาหุ้น EA เกิดโอกาสในการเก็บของที่ดี โดยยังคงแนะนำ”ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 76 บาท เพราะการเติบโตไม่เพียง แต่มองเห็นได้ชัดเจน แต่จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญอย่างน้อย 38-48% แม้จะไม่มีการส่งมอบรถ EV ในปี 2564 เชื่อว่าราคาหุ้นจะดีเมื่อเริ่มส่งมอบรถโดยสารและแบตเตอรี่ที่ผลิตจากโรงงาน 1GWh เฟส 1

” กำไรของ EA จะเพิ่มขึ้นอีก 2,200-2,500 ล้านบาท เป็น 7,400-7,700 ล้านบาทในปีนี้ ไม่รวมรถ EV แม้การส่งมอบจำนวน 4,500 คันจะล่าช้าไปจากปี 2564-2565 ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เราเห็นตัวขับเคลื่อนสำคัญคือ กำไร 800 ล้านบาทจากฟาร์มกังหันลมตามความเร็วลมที่สูงขึ้น กำไรอีก 700 ล้านบาทจากการขายรถอีบัส 1,000 คัน ราคาคันละ 3-4 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 10% การขายของแบตเตอรี่ 0.8GWh สร้างกำไรอีก 400-700 ล้านบาท และอีก 200 ล้านบาทจากวัสดุเปลี่ยนเฟส (PCM) ยอดขายจากโรงงาน PCM 65 ตันต่อวัน”บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุ

ผู้บริหาร EA ให้ข้อมูลว่า โรงงานผลิตแบตเตอรี่ เฟสแรก คาดว่าจะเสร็จอีกไม่เกิน 2 เดือนข้างหน้าพร้อมผลิตเพื่อจำหน่าย ส่วน EV บัส บริษัทไม่ได้รอออร์เดอร์จาก ขสมก. เพียงทางเดียว ได้มีการหาตลาดจากรถเมล์ร่วมบริการได้แล้ว ปัจจุบันกำลังผลิตรอส่งมอบจำนวน 150 คัน ในอีก 1-2 เดือนนี้

ด้านนายศรุต เรียวรักษา ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ EA กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนปี 2564 ไว้ที่ 6,100 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าช่วงปีก่อนที่ใช้เงินปีละ 10,000 ล้านบาท เนื่องจากได้ลงทุนโครงการขนาดใหญ่ไปค่อนข้างมากแล้ว ในปีนี้ใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงไฟฟ้าต่างๆ และมองมองหาการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆเพิ่มเติม โดยบริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนโครงการโรงงานแบตเตอรี่ ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและเรือไฟฟ้า รวมไปถึงสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วย

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA เปิดเผยว่า โรงงานผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ที่อำเภอกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี กำลังการผลิต 8แสนลิตรต่อวัน ได้รับใบประกาศนียบัตรการผลิตที่ลดก๊าซเรือนกระจกโดยขอรับรองฉลากคาร์บอน ประจำปี 2563 โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (มหาชน) และสภาอุตสาหกรรม และให้เป็นโรงงานตัวอย่างของจังหวัดปราจีนบุรี

“การได้รับประกาศนียบัตรการผลิตที่ลดก๊าซเรือนกระจก นับเป็นรางวัลด้านความยั่งยืนในเรื่องของการรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ได้รับรองว่าโรงงานแห่งนี้   ถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่ต้องการบรรลุเป้าหมายสู่การเป็น Go green energy ผู้นำด้านพลังงานทางเลือก มุ่งมั่นการนำเทคโนโลยี มาส่งเสริมใช้พลังงานสะอาด และให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืน” นายอมร กล่าว

การนำจุดแข็งด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี มาสร้างและขยายธุรกิจให้เติบโตของ EA จะเกิดควบคู่ไปกับการดำเนินการตามนโยบายการบริหารจัดการความยั่งยืนของบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าจะเกิดสมดุล ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทั้งยังผลักดัน โครงการระยะยาวเพื่อดูแล ป้องกัน และบำรุงรักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนร่วมกันพัฒนาชุมชนและสังคม โดยมีการพัฒนามาเป็นลำดับตามที่บริษัทได้ประกาศจุดยืนไว้อย่างชัดเจน

สำหรับราคาหุ้น EA ที่ทรุดลงแรงในภาคบ่าย ส่งผลให้หุ้นไฟฟ้าหลายตัวปรับตัวลงตาม เช่น บริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ปิดที่ 73.50 บาท ร่วงลง 2 บาทหรือ 2.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 1,227.94 ล้านบาท ผสมแรงขายทำกำไรในตลาดโดยรวม เน้นในกลุ่มพลังงาน และแบงก์ ทำให้ตลาดพลิกจากที่บวกแรงมากกว่า 18 จุด ขึ้นไปสูงสุดที่ 1,562.56 จุด ไหลลงไปต่ำสุดที่ 1,540.64 จุด และปิดที่ระดับ 1,543.76 -0.35 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 108,474.21  ล้านบาท โดยสถาบันไทยขาย 1,092.68 ล้านบาท สวนทางนักลงทุนไทยเห็นโอกาสซื้อสุทธิ 1,703 ล้านบาท ต่างชาติซื้อเล็กน้อย 25.77 ล้านบาท