BEAUTY ขาดทุน 104 ลบ.ปี 63 โควิดฉุดรายได้วูบ 61%

HoonSmart.com>> “บิวตี้ คอมมูนิตี้” อ่วมพิษโควิด-19 ปี 63 ขาดทุน 104 ล้านบาท จากปีก่อนกำไร 232 ล้านบาท ด้านรายได้รวมวูบ 61% เหลือ 786 ล้านบาท ธุรกิจเครื่องสำอางแข่งดุ อัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย

บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2563 พลิกขาดทุนสุทธิ 104.88 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.04 บาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 232.58 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.08 บาท คิดเป็นขาดทุนเพิ่มกว่า 145.10%

บริษัทมีกำไรงวดไตรมาส 4/2563 จำนวน 18.91 ล้านบาท ลดลง 71.09% จากไตรมาส 4/2562 และเพิ่มขึ้น 183.12% จากไตรมาส 3/2563 และปี 2563 อยู่ที่ 104.88 ล้านบาท ลดลง 145.10% จากปี 2562 กำไรสำหรับงวดลดลง หลักๆ มาจากยอดรายได้และกำไรขั้นต้นลดลง รวมถึงการรับรู้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดโครงสร้างธุรกิจจำนวนมาก

สำหรับรายได้รวมไตรมาส 4/2563 จำนวน 194.10 ล้านบาท ลดลง 59.85% จากไตรมาส4/2562 และเพิ่มขึ้น 0.32% จากไตรมาส 3/2563 และ
ปี 2563 เท่ากับ 786.83 ล้านบาท ลดลง 61.06% จาก ปี 2562 และ Same Store Sales Growth (SSSG) ปี 2563 เท่ากับ -48.77% โดยสัดส่วนรายได้ปี 2563 ส่วนใหญ่มาจากการผ่านช่องทางร้านค้าปลีก ซึ่งมีสัดส่วนของร้านค้าปลีก 51.77% ต่างประเทศ 36.47% คอนซูมเมอร์โปรดักส์ 5.67% อีคอมเมิร์ช 4.44% และรายได้อื่น 1.65%

รายได้ลดลงหลักๆ เป็นผลกระทบจากโควิด-19 ที่ระบาดทั่วโลกในช่วงครึ่งปีแรก หลายประเทศควบคุมการแพร่ระบาดด้วยการปิดประเทศ รวมถึงไทยและศูนย์การค้าต้องปิดตามประกาศของรัฐบาล ทำให้บริษัทต้องปิดร้านชั่วคราวเกือบ 300 สาขาทั่วประเทศ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 95% ของจำนวนสาขาทั้งหมดและมาตรการปดประเทศทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะจีนทำให้ครึ่งปีแรกยอดขายทั้งในและต่างประเทศลดลงอย่างมีนัยยะ

ขณะที่ครึ่งปีหลังคลายล็อคดาวน์เปิดสาขาร้านค้าปลีกในห้าได้ตามปกติรายได้เริ่มมีสัญญาณกลับมาดีขึ้น แต่เศรษฐกิจยังชะลอตัวและการแข่งขันรุนแรงธุรกิจเครื่องสำอางค์ด้านโปรโมชั่นต่างๆ ประกอบพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนจากการซื้อหน้าร้านซึ่งคยเป็นจุดแข็งของบริษัทมาเป็นซื้อออนไลน์มากขึ้นทำให้ครึ่งปีหลังยอดขายยังไม่เป็นตามเป้าที่ควร

บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ Business Re-engineering ปรับแนวทางบริหารจดัการและเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจท้งัระบบเพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจเครื่องสำอางหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยได้ปรับโครงสร้างการบริหารจดัการคร้ังใหญ่ให้มีความคล่องตวัโดยการปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร ร่วมกับการลดกำลังคนเพื่อลดขนาดองค์กรให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและสถานการณ์เศรษฐกิจ

ด้านกำไรขั้นต้นไตรมาส 4/2563 จำนวน 102.22 ล้านบาท ลดลง 64.55% จากไตรมาส 4/2562และเพิ่มขึ้น 4.07% จากไตรมาส 3/2563 และปี 2563 เท่ากับ 416.02 ล้านบาท ลดลง 65.71% จากปี 2562 อัตรากำไรชั้นต้นลดลงจากการทำโปรโมชั่นที่เพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายและแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่นที่มีสภาวะการแข่งขันรุนแรง รวมถึงทำ Promotion clearance sales ด้วย