HoonSmart.com>>”สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น”โชว์ผลงานปี 63 ก้าวกระโดด รับรู้รายได้ลงทุนเวียดนาม อัตรากำไรสุทธิพุ่งขึ้นเป็น 9% จากปีก่อน 3.7% ปักหมุดรายได้ปี 64 โต 15-20% ทุบสถิตินิวไฮต่อเนื่อง มุ่ง 3 กลยุทธ์ สินค้ามาร์จิ้นสูง ลดต้นทุน บุกตลาดต่างประเทศ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนส่งออก 10 – 12% จาก 50 ประเทศ จาก 8 % ใน 40 ประเทศ
บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เปิดผลงานประจำปี 2563 มีกำไรสุทธิ 1,608.66 ล้านบาท พุ่งขึ้น 1,484.74 ล้านบาท คิดเป็น 1,198.14% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิเพียง 123.92 ล้านบาท เฉพาะไตรมาสที่ 4/2563 มีกำไรสุทธิ 444.77 ล้านบาทเติบโตจาก 72.33 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อนและใกล้เคียงจากไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิ 462.46 ล้านบาท
นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้กำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากการรับรู้ผลประกอบการของการลงทุนที่เวียดนามตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2563 ส่งผลให้รายได้หลัก 16,858 ล้านบาทในปี 2563 หรือเติบโตประมาณ 46.2% จาก 11,529 ล้านบาทในปี 2562 นอกจากนี้ การมุ่งเน้นกลุ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงโดยเฉพาะกลุ่มสายไฟแรงดันระดับกลางจนถึงระดับสูงพิเศษที่มีการเติบโตสูง เพื่อรองรับโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐและเอกชน
” ปี 2563 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิ 9.0% เพิ่มขึ้นจาก 3.7% จากงวดเดียวกันในปีก่อนเกิดจากการขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงและพลังร่วมทางธุรกิจหลังเข้าลงทุนในประเทศเวียดนาม สามารถรวมกลุ่มคำสั่งซื้อวัตถุดิบทองแดง และอะลูมิเนียม ทำให้มีต้นทุนที่ลดลง อีกทั้งยังแลกเปลี่ยนความรู้และเทคนิคในการพัฒนา และปรับปรุงกระบวนการผลิต ทำให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น รวมทั้งลดอัตราการสูญเสียในกระบวนการผลิตอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย ขณะเดียวกันบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมี Net Debt / Equity (ปรับปรุง) เท่ากับ 0.8 เท่า”นายประกรณ์กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า การดำเนินธุรกิจในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้อยู่ที่ประมาณ 15-20% จากปีก่อน และคาดว่าจะสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ เนื่องจากรายได้หลักคือ ธุรกิจสายไฟฟ้า และสายเคเบิ้ล มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีไปพร้อมกับอุตสาหกรรม ซึ่งจากแผนการลงทุน 5 ปี (2563-2567) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมราว 2 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนพัฒนาระบบส่ง และจำหน่ายไฟฟ้า และแผนสนับสนุนการลงทุนโรงไฟฟ้าจากต่างชาติของรัฐบาลเวียดนาม เพื่อจะได้มีพลังงานไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการใช้ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
สำหรับกลยุทธ์การเติบโตในอนาคต บริษัทมุ่งเน้นกลุ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น สายไฟฟ้าประเภท Medium / High / Extra High voltage ที่มีความต้องการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสายไฟสำหรับระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้มาตรฐานระดับโลก ตลอดจนการพัฒนาสายเคเบิ้ลใต้น้ำที่มีความต้องการที่เพิ่มขึ้นมากจากโครงการพลังงานทดแทนต่างๆ เช่น กังหันลมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าที่ติดตั้งในทะเล แผงโซลาร์เซลล์บนโครงสร้างที่ลอยอยู่ในน้ำ เป็นต้น พร้อมการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานในประเทศไทยและเวียดนามอย่างต่อเนื่อง
ส่วนโอกาสในตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ คาดว่าสัดส่วนรายได้จากการส่งออกจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 10 – 12% จากการส่งออกประมาณ 50 ประเทศ จากในปี 2563 ที่มีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกประมาณ 8.0% จากการส่งออกประมาณ 40 ประเทศ
