PTTGC ลั่นรายได้โตเกิน 10% สบโอกาสซื้อกิจการราคาถูก

HoonSmart.com>>”พีทีที โกลบอล เคมิคอล” เผยปี 64 ตั้งเป้าปริมาณขายโต 8-10% หนุนรายได้โตมากกว่า 10%  กลยุทธ์เน้นพัฒนาสินค้ามูลค่าสูง  มาร์จิ้นดี พร้อมมองหาโอกาสซื้อกิจการ เพื่อต่อยอดธุรกิจ ตั้งงบลงทุน4-5 ปี จำนวน 600 ล้านเหรียญฯ ไม่รวม M&A  ทยอยออกหุ้นกู้ 4 พันล้านเหรียญฯ  โครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ ที่รัฐโอไฮโอ คาดตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายกลางปีนี้

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าปริมาณขายเพิ่มขึ้น 8-10% จากการเริ่มกำลังการผลิตของโรงงานใหม่หลายแห่ง และราคาขายของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ดีขึ้น จากปีที่แล้วที่ปรับลดลงมาก ในช่วงโควิด-19  หากราคาขายมีทิศทางที่ดีขึ้นมาก  คาดว่ารายได้จะเติบโตมากกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 336,467.44 ล้านบาท

ส่วนราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น ไม่มีผลต่อต้นทุนของบริษัทฯ เนื่องจากใช้ก๊าซในการผลิต ในทางกลับกันราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นนั้น ทำให้ต้นทุนการผลิตของผลิตภัณฑ์เคมี ดีขึ้น และราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน แต่ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังเริ่มฟื้นตัว อาจจะไม่ผลักดันราคาให้ปรับขึ้นไปสูงมากนัก ซึ่งผลิตภัณฑ์โพลิเอสเตอร์ คาดว่าความต้องการคาดยังไม่สูงมากใน 1-2 ปีนี้ (2564-2565) เนื่องจากโรงงานใหม่ๆยังมีกำลังการผลิตที่สูงกว่าความต้องการ

สำหรับกลยุทธ์ของบริษัทต่อจากนี้ จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยการปรับปรุงหน่วยผลิตและโครงสร้างพื้นฐานให้มีความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าสูง (High Value Products:HVP) ให้มีรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและตลาดโลกให้มากขึ้น รวมถึงการลงทุนเข้าซื้อกิจการ (M&A)ในธุรกิจใหม่ กลุ่ม HBV ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโต และมีอัตราทำกำไรในระดับสูง

” การเข้าซื้อกิจการมีความน่าสนใจ และเป็นกลยุทธ์หลักของเราเช่นกัน จากช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้หลายบริษัทที่ได้รับผลกระทบมีการเสนอราคาขายที่ถูกกว่าช่วงปกติ เรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อ แต่ก็ต้องพิจารณาถึงการเติบโต และการต่อยอดธุรกิจด้วย ซึ่งมีเจรจาอยู่หลายรายมากในตอนนี้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้  เรามีความพร้อมในการเข้าซื้อแน่นอน จากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการกู้เงินที่สูง” ดร.คงกระพันกล่าว

บริษัทได้ตั้งเงินลงทุนในปี 4-5 ปีนี้ (2564-2568) ที่ประมาณ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการ ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นได้อนุมัติวงเงินในการออกหุ้นกู้รวม 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตามเงื่อนไขสามารถทยอยออกได้ในระยะเวลาปี 4   แต่ถ้ามีการลงทุนใหม่ๆ หรือโครงการใหญ่ ก็อาจจะพิจารณาออกหุ้นกู้ทันที

ส่วนความคืบหน้าของโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ ที่รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาหาพันธมิตรร่วมทุนในโครงการดังกล่าว คาดว่าจะสามารถตัดสินใจการลงทุนขั้นสุดท้ายได้ในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งจะสามารถเจรจาค่าก่อสร้างได้ถูกลงด้วย