HoonSmart.com>>นักวิเคราะห์ลงมติเอกฉันท์แนะนำซื้อ BBL-KBANK เทียบชั้นธนาคารกรุงเทพ ถูกกว่า มี P/E ,P/BV ต่ำ แข็งแกร่ง ประกาศเป็นผู้นำแบงก์อาเซียน เงินกองทุนขั้นที่ 1 สูงถึง 17% เท่ากับ SCB พอร์ตสินเชื่อต่างประเทศ-สาขาเมืองนอกมากที่สุด แผนธุรกิจปี 64 กสิกรไทยคาดสินเชื่อโตมากที่สุด 4-6% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) สูงกว่า 3%
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นแบงก์ใหญ่วิ่งแรง วันที่ 5 ก.พ.2564 ดัชนีกลุ่มปิดที่ 370.45 จุด เพิ่มขึ้น 2.16% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย12,192.92 ล้านบาท โดยธนาคารกรุงเทพ (BBL) นำตลาด วอลุ่มมากกว่า 4,714 ล้านบาท
ขณะเดียวกันธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มีบิ๊กล็อตสูงที่สุด มูลค่า 777.81 ล้านบาท แบ่งเป็นการซื้อขายหุ้น KBANK จำนวน 3,462,700 หุ้น มูลค่า 476 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 137.51 บาทต่อหุ้น และ KBANK-F 2,201,500 หุ้น มูลค่า 301.65 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 137.02 บาท
ธนาคารขนาดใหญ่ประกาศแผนธุรกิจปี 2564 พบว่าธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อมากที่สุด 4-6% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของแบงก์ใหญ่ใกล้เคียงกัน3% เศษ ยกเว้น BBL ที่ต่ำเพียง 2.3% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีฐานลูกค้าสินเชื่อนิติบุคคลมากกว่า ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) ต่ำที่สุด น้อยกว่า 2.7% เทียบกับบริเวณ 4% ของแบงก์อื่น
นักวิเคราะห์เทคะแนนแนะนำให้ซื้อหุ้น BBL จำนวน 14 ราย และ KBANK จำนวน 15 ราย ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ธนาคารกรุงไทย (KTB) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) นักวิเคราะห์ 6 รายแนะนำให้ถือ
ด้านธนาคารกรุงเทพพบนักวิเคราะห์และให้ข้อมูล วางเป้าหมายในการเป็นธนาคารผู้นำในภูมิภาคอาเซียน หลังจากซื้อธนาคารเพอร์มาตา อินโดนีเซีย ทำให้มีสาขาในต่างประเทศมากที่สุด ถึง 31 แห่ง และให้บริการสินเชื่อในต่างประเทศสัดส่วน 17%โดยมีเงินกองทุนขั้นที่ 1 สูงสัดส่วน 17% เท่ากับ SCB และ KBANK มีสัดส่วน 16.2%
