AMATAV ลุยพัฒนานิคมฯเวียดนาม จับมือพันธมิตรซื้อที่ดินพุ่ง 4 เท่า

HoonSmart.com>”อมตะ วีเอ็น” ติดเครื่องบุกเวียดนาม พัฒนา “เมืองอัจฉริยะ” พร้อมให้โรงงานเช่าที่ดิน ทางตอนเหนือ-ใต้  6 โครงการ  ลงทุนซื้อที่ดินภาคกลางร่วมกับพันธมิตร ตั้งเป้า 5 ปี ที่ดินในมือ โตขึ้น 4 เท่า จากปัจจุบันมีพื้นที่พัฒนา 1.56 หมื่นไร่  ด้านเอกอัครราชทูตเวียดนามมั่นใจเศรษฐกิจสดใส  คาด GDP โต 6.5-7% ชวนนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุน 

นางสมหะทัย พานิชชีวะ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ วีเอ็น (AMATAV) เปิดเผยว่า มีแผนที่จะลงทุนเกี่ยวกับที่ดินเพื่อพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมในภาคกลางของเวียดนาม กับพันธมิตรทางธุรกิจ จากปัจจุบันบริษัทฯมีการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอยู่ทั้งทางตอนเหนือและตอนใต้ทั้งหมด 6 โครงการ รวมพื้นที่พัฒนา 15,625 ไร่ ด้วยเงินลงทุนประมาณ 27,200 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯมีความพร้อมเปิดให้โรงงานมาเช่า

“ทางรัฐบาลเวียดนามอยู่ระหว่างการจัดทำแผนพัฒนาสังคม – เศรษฐกิจ ซึ่งบริษัทฯได้วางเป้าหมายในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม คาดว่าใน 5 ปี (2564-2568) จะเติบโตถึง 4 เท่า ในส่วนที่ดินที่เราพัฒนา จากปัจจุบันมี 1.5 หมื่นไร่กว่า และวางเป้าหมายพัฒนานิคมอุตสาหกรรมให้เป็น “เมืองอัจฉริยะ” ซึ่งแนวคิดเมืองอัจฉริยะครอบคลุมทั้งด้านพลังงาน ชุมชน การผลิต การขนส่งและคมนาคม การศึกษา เทคโนโลยี และการจัดการสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ สอดรับกับแผนพัฒนาประเทศของเวียดนามอีกด้วย” นางสมหะทัย กล่าว

ด้านนายฟัน จิ้ ทัน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2563 เศรษฐกิจทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ขยายตัวถึง 2.91 % เนื่องจากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ตั้งแต่ช่วงแรก โดย GDP เวียดนามในช่วงปี 2559-2563 เติบโตเฉลี่ย 5.9% นับว่าสูงที่สุดในโลก ส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2564 สดใส โดยองค์กรการเงินระหว่างประเทศ อาทิ ธนาคารโลก, กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF), ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดการณ์ไว้ว่า GDP จะเติบโตอยู่ที่ 6.5-7.0%

“ปัจจัยที่เอื้อให้มีการเข้ามาลงทุนในเวียดนามจำนวนมาก เพราะมีเสถียรภาพทางการเมืองสูง มีแรงงานจำนวนมาก และด้วยขนาดของตลาดในประเทศที่มีประชากรสูงถึง 100 ล้านคน และที่สำคัญเวียดนามยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สามารถเชื่อมโยงกับตลาดอาเซียน จีนและอีกหลายประเทศทั่วโลก จึงเป็นเป้าหมายของนักลงทุนกว่า 132 ประเทศ ที่สนใจเข้ามาลงทุน ปัจจุบันนักลงทุนไทยเข้ามาในประเทศเวียดนามถึง 603 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 13 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือ 400 พันล้านบาทจัดอยู่ที่ลำดับ 9  ” นายฟัน จิ้ ทัน กล่าว

ทางด้านกฏหมาย หรือกฏเกณฑ์ต่างที่ใช้กับนักลงทุนจากต่างประเทศ ทางรัฐบาลเวียดนาม ได้มีการลงนามสนธิสัญญาต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับตามกฏสากล โดยไม่แบ่งแยกว่านักลงทุนมาจากประเทศไหน ได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามอย่างต่อเนื่อง โดยมีนโยบายจะพัฒนาสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสินค้าทั้งค้าปลีก และค้าส่ง ให้ทั่วถึงมากขึ้น

นอกจากนี้ในอีก 5 ปีข้างหน้า (2564-2568) รัฐบาลเวียดนามได้วางแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ 10 ปี การพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจฉบับใหม่ปี 2564-2573 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาแห่งชาติเวียดนามที่จะนำไปสู่การพัฒนาประเทศให้มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์แบบทวิภาคีกับประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยที่นำไปสู่การสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับนักลงทุนไทยที่จะเข้ามาในประเทศเวียดนามมากขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาธุรกิจไทย-เวียดนาม กล่าวว่า ประเทศเวียดนามมีประชากรในวัยทำงานจำนวนมาก และมีสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่ำ ทำให้ มีกำลังซื้อสูง อีกทั้งการส่งออกสินค้าเติบโตก้าวกระโดด โดยในปีที่ผ่านมามีมูลค่าถึง 281,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้ดุลการค้า 19,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลจากการทำความตกลงด้านการค้ากับประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวม 17 ฉบับ ขณะเดียวกันเวียดนามให้สิทธิพิเศษในด้านภาษีและสิทธิประโยชน์อื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจการค้าและการลงทุน (Ease of doing business) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการลงทุน การก่อสร้างสาธารณูปโภค และอื่นๆ นับเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่ส่งผลให้เกิดการลงทุนในประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่อง