ซิตี้แบงก์คาดปี 64 GDP เอเชียโตแรง 7.5% ทองลง ชูหุ้นวัฎจักร 5 อุตฯ

HoonSmart.com>> นักวิเคราะห์ซิตี้ มองเทรนด์ลงทุนปี 64 ให้น้ำหนักภูมิภาคเอเชีย ละตินอเมริกา พร้อมแนะนำธีมการลงทุนแบบ ESG แนะกระจายการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ชูกลุ่มพลังงานใหม่ เทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชั่น สุขภาพ อสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์หลายประเภท แนะ ตราสารทุนทั่วโลก ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ ตราสารหนี้ผลตอบแทนสูงในอเมริกา ทองคำ

ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย จัดงานออนไลน์ “2021 Citigold Annual Outlook” แถลงข้อมูลทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนประจำปี 2564

ซาเมียร์ เดชพานดิ

นายซาเมียร์ เดชพานดิ หัวหน้าที่ปรึกษาการลงทุนระดับภูมิภาค ซิตี้แบงก์ เอเชียแปซิฟิค และตะวันออกกลาง กล่าวว่า นักวิเคราะห์ซิตี้คาดการณ์ว่าแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง แต่ระบบเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2564 จะเริ่มทยอยกลับมาสดใสจากหลายปัจจัยทั้งการประกาศผลการทดลองวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นครั้งแรก การทยอยฉีดวัคซีนขนาดใหญ่ในหลายประเทศที่น่าจะมีขึ้นในช่วงกลางปี รวมถึงประเทศที่พัฒนาแล้วเริ่มมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดยมองว่าการสิ้นสุดของการแพร่ระบาดจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปี ทำให้โลกกลับสู่สภาวะปกติใหม่และเป็นการเริ่มต้นอย่างเต็มรูปแบบของวัฏจักรเศรษฐกิจใหม่

ในมุมมองเชิงภูมิภาค นักวิเคราะห์ซิตี้คาดการณ์ว่า ถึงแม้สภาพเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันอาจยังคงสร้างความวิตกให้กับนักลงทุน แต่เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้งจากอัตราการว่างงานที่ลดลงจาก 14.7% ช่วงต้นปีที่แล้วมาอยู่ที่ 6.7% ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงผ่อนคลายมาตรการทางการเงินและคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับ 0% – 0.25% อย่างต่อเนื่อง รวมถึงรัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนกระตุ้นตลาดแรงงานเพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยคาดว่าจีดีพีของสหรัฐฯ จะอยู่ที่ 5.1% และคาดว่าเศรษฐกิจจะกลับไปถึงระดับ GDP ก่อนเกิดโควิด-19 ได้ภายในกลางปี 64

ส่วนยุโรปแม้จะต้องเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วยความกังวลด้านสุขภาพและเศรษฐกิจครั้งสำคัญ แต่คาดว่าภูมิภาคนี้ได้ผ่านพ้นช่วงที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว แม้หลายประเทศจะมีการกลับมาล็อกดาวน์ แต่การล็อกดาวน์น่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 63 ตลอดจนธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงดำเนินนโยบายการคลังและมาตรการผ่อนคลายทางการเงินและมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำ โดยรวมนักวิเคราะห์ซิตี้มองว่าจีดีพียุโรปจะเติบโต 3.6%

ในขณะที่คาดการณ์เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียในปีนี้ โดยภาพรวมนักวิเคราะห์ซิตี้มองว่าในปี 2564 ภูมิภาคเอเชียจะเป็นผู้นำในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก คาดการณ์จีดีพีของเอเชียจะโตถึง 7.5% โดยเฉพาะประเทศจีนอาจโตแตะ 8.2% จากตัวเลขอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่ต่ำ ตลอดจนสัญญาณการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากกิจกรรมการท่องเที่ยว และความต้องการภายในประเทศ รวมถึงการร่วมมือในความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) จะทำให้ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็กจะได้รับประโยชน์และส่งผลดีบวกเป็นอย่างมากต่อภูมิภาคอาเซียน สำหรับประเทศไทยคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ขยายตัวราว 4.0% ส่วนระดับอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.4% โดยมีแรงหนุนจากภาครัฐทั้งการบริโภคและการลงทุน

ด้านน้ำมันจากการร่วมมือปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส ทำให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 54 และ 51 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลตามลำดับ ส่วนทองคำมีความต้องการลดลงจากความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนในเชิงบวก แต่ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ คาดการณ์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

ส่วนค่าเงินต้องจับตาเป็นพิเศษเพราะยังคงมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้คาดยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อไปในระยะกลางถึงระยะยาวจากปัจจัยทางการเมือง รวมทั้งนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ด้านเงินหยวน (CNY) แข็งแกร่งขึ้น จากการฟื้นตัวของการเติบโตของจีนมีแนวโน้มที่จะยั่งยืนในปีนี้ ตลอดจนการเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของโจ ไบเดน อาจทำให้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน มีแนวโน้มผ่อนคลายลง และสำหรับเงินบาท กรอบความเคลื่อนไหวเงินบาทไทยจะอยู่ระหว่าง 30.0 – 30.2 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

ดอน จรรย์ศุภรินทร์

ด้านนายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ท้าทาย อย่างไรก็ตามทางธนาคารฯ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนอย่างต่อเนื่องโดยมีการเสนอขายกองทุนใหม่ 28 กองทุน และตราสารหนี้ใหม่อีก 6 ตราสาร ซึ่งนำไปสู่การเติบโตด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) เติบโตในระดับตัวเลข 2 หลัก และมีการเติบโตในกลุ่มลูกค้าใหม่ทั้ง ซิตี้โกลด์ และ ซิตี้ไพรออริตี้ นอกจากนี้เห็นการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นอีกเช่นกัน

สำหรับข้อแนะนำในการลงทุน นักวิเคราะห์ซิตี้ยังคงแนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นทั่วโลก โดยให้น้ำหนักในภูมิภาคเอเชีย ลาตินอเมริกา และแนะนำการกระจายการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ พลังงานใหม่ โทรคมนาคมและเทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชั่น สุขภาพ อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งกระจายการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำประเภทอื่น ๆ เช่น ตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่และตราสารหนี้ผลตอบแทนสูงในอเมริกา รวมถึงทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ

นอกจากนี้ยังแนะนำการลงทุนแบบยั่งยืน ในกลุ่ม (ESG) ที่กำลังเป็นเทรนด์ที่เป็นที่จับตามองในปัจจุบัน โดยซิตี้ได้จับมือกับ AB และ Schroders ในการนำเสนอกองทุน AB Sustainable Global Thematic Portfolio และ Schroder ISF Global Climate Change ที่ลงทุนในกลุ่มพลังงานใหม่ หรือกลุ่มที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงจากภูมิอากาศ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน

อย่างไรก็ตามนักลงทุนต้องติดตามประเด็นสำคัญของสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนและรักษาผลประโยชน์ในระยะยาวท่ามกลางสภาวะตลาดผันผวน

พร้อมกันนี้ ธนาคารซิตี้แบงก์ ได้พัฒนาการบริหารความมั่งคั่งผ่านบริการ “ซิตี้โกลด์” ด้วยบริการการลงทุนได้ทั่วโลกกว่า 200 กองทุน จากพันธมิตรที่หลากหลายกับ 5 บลจ.ในประเทศและ 13 บลจ.ต่างประเทศ โดยมีความหลากหลายของกองทุนทั้งประเภทของสินทรัพย์ และภูมิภาคของการลงทุน ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลแบงก์กิ้ง