KBANK กำไร 2.95 หมื่นลบ. ปี 63 ลดลง 24%

HoonSmart.com>> ธนาคารกสิกรไทย กำไรปี 63 จำนวน 29,487 ล้านบาท ลดลง 23.86% จากงวดปีก่อน ตั้งสำรองเพิ่ม 28% รับมือเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 กระทบลูกหนี้ผ่อนชำระ ด้านรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 6.17% NIM อยู่ที่ 3.27% บล.คิงส์ฟอร์ด แนะ ซื้อ KBANK มองไตรมาส 4/63 กำไรดีเกินคาด หนี้เสียลดลงสะท้อนผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2563 กำไรสุทธิ 29,487.12 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 12.42 บาท ลดลง 23.86% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 38,726.74 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 16.18 บาท

ขณะที่งวดไตรมาส 4/2563 กำไรสุทธิ 13,258 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98.52% จากไตรมาส 3/2563

ธนาคารชี้แจงกำไรสุทธิงวดปี 2563 ลดลงจากปีก่อนจำนวน 9,240 ล้านบาท หรือ 23.86% ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ใช้หลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องในการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss: ECL) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 9,536 ล้านบาท หรือ 28.04% ซึ่งเป็นการตั้งสำรอง ฯ ตั้งแต่ในครึ่งแรกของปีรวม 32,064 ล้านบาท เนื่องจากความไม่แน่นอนในระดับสูงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควดิ-19 ที่มีผลกระทบที่รุนแรงทั้งในและต่างประเทศอันเป็นวกิฤตการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในลักษณะนี้มาก่อน รวมทั้งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการของทางการที่ให้สถาบนัการเงินให้ความช่วยเหลือลูกค้า

อย่างไรก็ดีแม้ว่าในครึ่งปีหลังที่มาตรการช่วยเหลือลูกค้าทยอยสิ้นสุดลงลูกค้ายังสามารถผ่อนชำระได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมทั้งปลายไตรมาส 4 มีการแพร่ระบาดของโควิด-19ระลอกใหม่ก็ตาม ธนาคารได้ทบทวนประเมินความเพียงพอของสำรองฯ พบวา่การตั้งสำรองฯ ในสามไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่เพียงพอแล้ว จึงตั้งสำรองในไตรมาส 4 ลดลงเมื่อเทียบช่วงสามไตรมาสของปี รวมตั้งสำรองปี 2563 จำนวน 43,548 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับที่สามารถรองรับความเสียหายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม และสอดคล้อ้งกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 6,334 ล้านบาท หรือ 6.17% ส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ซึ่งเป็นผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยและการปรับลดอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.27% โดยสินเชื่อเพิ่มขึ้นจำนวน 242,865 ล้านบาท หรือ 12.13% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของเงินให้สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย่ 16.13%

สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 11,934 ล้านบาท หรือ 20.65% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากการจำหน่ายหลกัทรัพย์ที่ลดลง และค่าธรรมเนียมรับเกี่ยวกับการให้สินเชื่อลดลงจากการเปลี่ยนไปแสดงเป็นรายไดด้อกเบี้ย รวมทั้งค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ลดลง 2,733ล้านบาท หรือ 3.76% ส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของประมาณการค่าใช้จ่ายพนักงาน และค่าใช้จ่ายทางการตลาด

ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจัดการหนี้เพิ่ม แม้ว่าในไตรมาส 4 ปี 2563 ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 3,825 ล้านบาท หรือ 23.26% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าใชจ้่ายเกี่ยวกบั เทคโนโลยสีารสนเทศเพื่อให้สามารถรองรับความตอ้งการของลูกคา้ค่าใช้จ่ายทางการตลาดซึ้งเป็นปกติตามฤดูกาลและค่าใช้จ่ายในกิจกรรมร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายไดจ้ากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) ปี 2563 อยู่ที่ 45.19%

ด้านสินทรัพยร์วม ณ สิ้นปี 2563 มีจำนวน 3,658,798 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 จำนวน 364,909 ล้านบาท หรือ 11.08% ส่วนใหญ่เป็นการเติบโตของสินเชื่อสำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 3.93% โดยธนาคารไดใ้หค้วามช่วยเหลือรวมทั้งติดตามดูแลคุณภาพสินเชื่อของลูกหนี้ที่ได้รับผลกระบโควิด-19 อย่างใกล้ชิด ขณะที่สิ้นปี 2562 อยู่ที่ 3.65%

อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดวา่ จะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) อยู่ที่ระดับ 149.19% จากสิ้นปี 2562 อยู่ที่ 148.60% สา หรับอตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพยเ์สี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 18.80% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 16.13%

น.ส.ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2563 หดตัวลงท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเนื่องมายังการใช้จ่ายภายในประเทศ รวมถึงภาคการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยว สำหรับในปี 2564 นั้น เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับหลายปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งทำให้ประเมินว่า เส้นทางการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน และแรงหนุนส่วนใหญ่ยังมาจากการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ

ด้านบริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด เผย KBANK รายงานกำไร Q4/63 อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท ดีกว่าคาดที่ 6.12 พันล้านบาท เนื่องสำรองขาดทุนด้านเครดิตใน Q4/63 ลดลงอยู่ที่ 669 ล้านบาทและ Q3/63 ที่ 1.08 หมื่นล้านบาท ขณะที่ NPL ณ สิ้น Q4/63 อยู่ที่ 3.93 % ปรับลดลงจาก Q3/63 ที่ 3.95 % สะท้อนภาพหนี้เสียมีแนวโน้มไม่เพิ่มขึ้นและยังสามารถควบคุมได้