“ทหารไทย” ไตรมาส 2/61 กำไรสุทธิ 2.02 พันล้านบาท ลดลง 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วน 6 เดือนกำไรลด 2.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง 7.7% จากไตรมาสก่อนหน้าและลด 6.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งสำรองหนี้เพิ่ม ส่วน NPL ลดลง
ธนาคารทหารไทย (TMB) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2561 กำไรสุทธิ 2,026.26 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0462 บาท ลดลง 13% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2,329.54 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0531 บาท ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 4,305.99 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0982 บาท ลดลง 2.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 4,425.98 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.101 บาท
ในงวดไตรมาส 2/2561 ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินการก่อนหักสำรอง (PPOP) จำนวน 4,871 ล้านบาท ลดลง 4.7% จากไตรมาสก่อนหน้าและลดลง 5.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วน 6 เดือนอยู่ที่ 9,980 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.80% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ธนาคารยังคงตั้งสำรองเพิ่มขึ้นจำนวน 2,380 ล้านบาทในไตรมาส 2/2561 เพิ่มขึ้น 3.3% จากไตรมาสก่อนหน้าและ 4.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วน 6 เดือน ธนาคารตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 4,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เพื่อคงอัตราส่วนสำรองฯต่อสินเชื่อด้วยคุณภาพ (coverage ratio) ตามเป้าหมายและรองรับการ write-off สินเชื่อด้อยคุณภาพ ส่งผลให้ coverage ratio ณ วันที่ 30 มิ.ย.2561 อยู่ที่ 140% ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงมาที่ 2.37% จาก 2.40% ณ สิ้นเดือนมี.ค.2561 และ 2.35% ณ สิ้นปี 2560 สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการอย่างรอบคอบ
สำหรับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิในไตรมาส 2/2561 มีจำนวน 6,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 1.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 1.8% จากไตรมาสก่อนหน้าและทรงตัวเมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 8,700 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้ามาจากอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ที่สูงขึ้น พร้อมทั้งการเพิ่มขึ้นของปริมาณสินเชื่อ ส่วนค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 3.4% จากไตรมาสก่อนไหน้าและ 4.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 2,600 ล้านบาท เป็นผลมาจากต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นและปริมาณเงินฝากเพิ่มขึ้น
ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 2/2561 มีจำนวน 3,094 ล้านบาท ลดลง 7.7% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 6.5% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ผลจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิมีจำนวน 2,460 ล้านบาท ลดลง 10.2% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 13.0% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการลดลงจากไตรมาสก่อนหน้ามาจากการชะลอตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายกองทุนรวมเนื่องจากความผันผวนในตลาดโลก ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุหลักมาจากในไตรมาส 2/2560 ธนาคารรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมการเข้าถึงช่องทางการให้บริการของธนาคาร (Access fee) ของแบงก์แอสชัวรันส์รวม 2 ไตรมาสโดยรับรู้ รายได้ย้อนหลังของไตรมาส 1/2560 ด้วย และค่าธรรมเนียมจากการขายกองทุนรวมที่ลดลง
งวด 6 เดือนธนาคารมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย 12,130 ล้านบาท ลดลง 1.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ผลมาจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นจากการเติบโตของเงินฝากเพื่อออม
ขณะที่ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ในไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 3.01% ทรงตัวเมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า สำหรับ 6 เดือนปรับตัวลดลง 19 bps จาก 3.19% มาอยู่ที 3.01% โดยมีปัจจัยมาจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของสินเชื่อที่อยู่อาศัยและธุรกิจขนาดใหญ่
นอกจากนี้ในไตรมาส 2/2561 ธนาคารมีค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยจำนวน 4,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 1.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนงวด 6 เดือน ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 1.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 8,559 ล้านบาท
****************
ติดตามข่าว หุ้นเด่น ประเด็นร้อน #HoonSmart #หุ้นสมาร์ท ได้ที่
Facebook : www.facebook.com/HoonSmart
Line : https://line.me/R/ti/p/%40hoonsmart.com