เชียร์ HANA บาทอ่อน-กำไรโต 2หลัก เมย์แบงก์ฯชี้เป้า 55 บาท

HoonSmart.com>>หุ้นอิเล็กทรอนิกส์แรงต่อ  ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคสแกร่ง  บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำซื้อให้ราคา 55 บาท คาดกำไรปี 64-65 โต 2 หลัก  ธุรกิจแข็งแรง ดีบีเอสฯมองเงินบาทกลับมาอ่อนดีต่ออิเล็กทรอนิกส์ บล.ฟินันเซีย ไซรัสแนะฮานาฯราคายืนเหนือแนวต้าน 46.50 บาทได้ ไปต่อ 

วันที่ 11 ม.ค. หุ้นบริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA)ยังปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง ราคาสูงสุด 52.50 บาท ก่อนนิ่งอยู่บริเวณ 51.50 บาท +4.50 บาทหรือ 9.57% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 1,689 ล้านบาท ณ เวลา 12.00 น.

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ยังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น HANA ให้ราคาเป้าหมาย 55 บาท ให้ระดับ P/E สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 3 ปีที่ผ่านมา แต่เห็นสมควรที่จะมีพรีเมียม เพื่อสะท้อนกับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังเป็นขาขึ้นรอบใหม่ และให้ส่วนลด 10% เมื่อเทียบกับผู้เล่นคล้ายกันในภูมิภาคอาเซียนที่ปัจจุบันเทรดบน P/E เฉลี่ย 25 เท่า จากขนาดที่เล็กกว่า ส่วนความเสี่ยงคือ ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน (ทุก 1 บาทที่แข็งค่าจะกระทบกำไร/ราคาเป้าหมาย -12%) อุปสงค์ที่ชะลอตัวตามเศรษฐกิจ

HANA เป็นตัวแทนของผู้ผลิตชิ้นส่วนฯ ในไทยระดับ Top 50 ของโลก ที่สินค้าส่วนใหญ่อิงกับตลาดผู้บริโภค กำลังเข้าสู่รอบการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี 5G ซึ่งจะเร็วกว่าและกระทบวงกว้างในหลายอุตสาหกรรม เมื่อเทียบกับ 4G ด้วยแรงกระตุ้นจากผู้ให้บริการในจีนเร่งขยายโครงข่ายและผลักดันสินค้า 5G เข้าสู่ตลาดโลก โดยเริ่มต้นในตลาดสมาร์ทโฟนที่เป็นสินค้าหลักของบริษัท สนับสนุนการเติบโตกำไรเฉลี่ย (CAGR) +13% ในปี 2564-2565 หลังจากหดตัว 2 ปีติดต่อกัน

นอกจากนี้ HANA จะได้ประโยชน์ในอนาคตที่การใช้งานที่เกิดขึ้นในหลายธุรกิจ ช่วยต่อยอดการเติบโตของบริษัทไปพร้อมกับตลาดเซมิคอนดักเตอร์ ในระยะยาว

ปี 2563 จะเป็นจุดต่ำสุดของกำไรในรอบ 7 ปีที่คาดไว้ 1,727 ล้านบาท  -6%จากปีก่อน ทิศทางเดียวกับยอดขาย (USD) -7% จากตามอุปสงค์สมาร์ทโฟนทั่วโลกชะลอตัว -10% และกำลังการผลิตที่หยุดไป 2-3 เดือน  มีมุมมองบวกต่อการเติบโต HANA ในปี 2564/2565 ที่คาดกำไรสุทธิ +17% และ 9% มาจากรายได้ที่ขยายตัว 15% และ 10% ตามยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนทั่วโลกและคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหม่ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้ ด้านอัตรากำไรสุทธิ (NPM) 0.30%  เทียบกับปีก่อนที่ 9.4% อัตราใช้กำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นจะช่วยชดเชยค่าเงินบาทแข็งค่าที่ 30.5 บาท/เหรียญฯ -2%จากปีก่อน

บริษัทดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ทั้งผลิตภัณฑ์ PCBA และ IC ซึ่งมีสินค้าปลายน้ำอิงกับกลุ่ม Telecom (30%) และยานยนต์ (15%) บริษัทมีความได้เปรียบเทียบกับรายอื่น คือ คุณภาพและการส่งมอบสินค้าที่ลูกค้าให้การยอมรับมากกว่า 40 ปี และการบริหารต้นทุน จากโรงงานตั้งอยู่ใน 4 ประเทศทั้ง ไทย,จีน,สหรัฐ และ กัมพูชา ซึ่ง 95% อยู่ในทวีปเอเชียที่ใกล้ฐานการผลิตสำคัญของโลก แต่มีต้นทุนแรงงานเพียง 40% เมื่อเทียบกับการผลิตในประเทศจีน HANA จึงเป็นทางเลือกแก่ผู้ผลิตสินค้าที่กำลังกระจายความเสี่ยง (Diversification) บนห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ที่หลายธุรกิจให้ความสำคัญทั้งจากปัจจัยการเมือง (Trade War) และปัจจัยอื่นๆ เป็นโอกาสที่จะขยายฐานลูกค้าใหม่ในอนาคต

ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่า ทำให้ตลาดหุ้นจะไปได้ไม่ดี แต่จะมีผลบวกต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น DELTA , HANA , KCE

บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะ”ซื้อ”หุ้น HANA ในระยะสั้น ราคาสามารถยืนเหนือแนวต้าน 46.50 บาทได้ แสดงถึงแรงส่งเชิงบวกของรอบที่ยังคงแข็งแกร่ง วางแนวต้านรอทดสอบที่ 49/50.50 บาท ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 46.50 บาท และมี Stop loss 45 บาท