HoonSmart.com>>”อินเตอร์ ฟาร์มา” ร่วมทุน “ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” สัดส่วน 51% ต่อ 49% บุกงานวิจัยและพัฒนา ผลิต ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแบบครบวงจร ตั้งเป้ายอดขายแตะ 2,000 ล้านบาทภายปี 2567 บล.ทิสโก้แนะนำซื้อ TU ราคาเป้าหมาย 21 บาท โรงงานสมุทรสาครสร้างผลผลิตได้ระดับเดิม มีสินค้าคงคลัง-สำเร็จรูปเฉียด 6 หมื่นล้านบาท
บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา (IP) และ บริษัทลูกของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัท อินเตอร์ฟาร์มา-ซีวิต้า ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท เพื่อดำเนินการวิจัยและพัฒนา (R&D) รวมถึงการผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ตอบรับกระแสความต้องการของผู้บริโภคที่หันมาดูแลใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น
ดร.ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา กล่าวว่า การร่วมลงทุนครั้งนี้ นับเป็นการผสานจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัท เพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นอีกจิกซอว์ตัวสำคัญที่จะเข้ามาสนับสนุนกลยุทธ์สร้างการเติบโตระยะกลางที่บริษัทฯวางไว้ไม่น้อยกว่าปีละ 25% ผลักดันยอดขายรวมแตะ 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2567 ต่อยอดสู่ความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
ด้านนายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป กล่าวว่า การร่วมทุนในครั้งนี้จะช่วยต่อยอดแผนธุรกิจของไทยยูเนี่ยน จากการเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเล ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทฯ มีความชำนาญ ไปสู่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ โดยมีนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน
“ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ไทยยูเนี่ยนจึงมีกลยุทธ์ที่เน้นในเรื่องของ Healthy Living, Healthy Oceans ซึ่งเป็นทิศทางของการเติบโตของธุรกิจในอนาคต”นายธีรพงศ์กล่าว
ด้านบล.ทิสโก้ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TU ราคาเป้าหมาย 21 บาท หลังจากบริษัทรายงานว่ามีพนักงานในจังหวัดสมุทรสาครพบเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 69 ราย จากพนักงานที่ตรวจโรคไปกว่า 23,630 รายและจากพนักงานทั้งหมดกว่า 27,552 คน จึงคาดว่าผลผลิตจะยังคงอยู่ในระดับเดิม
TU ได้คาดการณ์การปิดโรงงานในจังหวัดสมุทรสาครจะกระทบต่อรายได้ต่อปีน้อยกว่า 2% นอกจากนี้ ตลาดในประเทศคิดเป็นสัดส่วนรายได้เพียง 10% เท่านั้น คลังสินค้ายังคงเพียงพอด้วยมูลค่ากว่า 3.77 หมื่นล้านบาทในช่วงไตรมาส 3 /2563 และมีสินค้าสำเร็จรูปในคลังอยู่ที่ 2.04 หมื่นล้านบาท หากมีการหยุดกำลังการผลิต สินค้าในคลังจะพอเพียงต่อการจำหน่ายเป็นเวลา 56 วัน (หากระดับการบริโภคยังคงเดิม)