ประธานบอร์ดจี้ EGCO ตรวจสอบกรณีบริษัทญี่ปุ่นจ่ายสินบนรัฐ

EGCO ร่วง 2% สวนทางตลาดบวก 10 จุด ประธานกรรมการสั่งให้บริษัทฯ-กฟผ.ตรวจสอบ กรณีบริษัทญี่ปุนพบจ่ายสินบนเจ้าหน้าที่รัฐไทย ระบุช่วงเวลาเดียวกับสร้างโรงไฟฟ้าขนอมหน่วย 4

นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และประธานคณะกรรมการ บริษัท ผลิตไฟฟ้า (EGCO) กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กฟผ. และ EGCO ตรวจสอบข่าวเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของบริษัท มิตซูบิชิ ฮิตาชิ พาวเวอร์ ซิสเต็มส์ หรือ Mitsubishi Hitachi Power Systems (MHPS) ประเทศญี่ปุ่น จ่ายสินบนเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อแลกกับการชนะประมูลโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศไทยในปี 2556 ซึ่งตามข่าวว่าเป็นช่วงเวลาที่มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอมหน่วยที่ 4 ของ EGCO ในปี 2556-2557 หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รับสินบนจริง ก็จะลงโทษตามกฏระเบียบ

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 4 เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ตั้งอยู่ในจ.นครศรีธรรมราช โครงการนี้ ทาง Mitsubishi Corporation (MC) มีหน้าที่ดูแลรวบรวมและสรุปการดำเนินงานของกลุ่มผู้รับเหมา
ส่วน MHPS เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์หลัก ต่าง ๆ เช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) ได้งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอม โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกฟผ. เป็นเวลา 25 ปี กำลังการผลิตรวม 930 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นหน่วยผลิต 2 หน่วย ๆ ละ 465 เมกะวัตต์ โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์และจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในวันที่ 19 มิ.ย.2559

“เบื้องต้นยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนว่า พาดพิง หรือจ่ายสินบนให้ใคร ในโครงการใด แต่หากเป็นการซื้อเครื่องจักรและการก่อสร้าง เป็นเรื่องของผู้รับเหมาดำเนินการ ซึ่งจะนำเข้ามาอย่างไร ทางเจ้าของโครงการโรงไฟฟ้าคงไม่ทราบเรื่อง แต่ก็ให้ทาง กฟผ.และ EGCO ตรวจสอบทั้งหมด “นายวิฑูรย์ กล่าว

โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของ EGCO มี กฟผ. ถือหุ้น 25.41% และ TEPDIA Generating B.V. ถือหุ้น 23 .49% โดย TEPDIA เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Tokyo Electric Power Company (TEPCO) และ Diamond Generating Asia, Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Mitsubishi Corporation ในสัดส่วนเท่ากัน 50%

ทางด้านการซื้อขายหุ้น EGCO ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงในภาคเช้า ลงไปต่ำสุดที่ 221 บาท หลังจากนั้นกระเตื้องขึ้น ในภาคบ่ายเคลื่อนไหวที่ 224 บาท ลดลง 5 บาท หรือ 2.18% สวนทิศทางตลาดหุ้นที่ปรับขึ้น 10 จุด