ความจริงความคิด : อะไรก็ตามที่เหลือเชื่อ ให้นึกไว้ก่อนว่าเหลือเชื่อ

โดย…สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP นักวางแผนการเงิน

ใกล้ปลายปีแล้ว หลายๆท่านที่ยังมีเงินได้อยู่ก็จะมองหากลวิธีบริหารภาษี จะเห็นได้จากช่วงนี้ เราจะเห็นสถาบันการเงินต่างๆจัดบรรยายเรื่อง “การวางแผนภาษี” ให้กับลูกค้า หากจะถามว่า “ใครเนื้อหอมที่สุดที่พวกสถาบันการเงินชอบเข้าหาเพื่อเสนอขายผลิตภัณฑ์การเงิน?” ผมว่า หนึ่งในนั้นต้องเป็นพวกที่กำลังเข้าสู่วัยเกษียณแน่นอน เพราะคนกลุ่มนี้มีกำลังทรัพย์เยอะ และเป็นกลุ่มคนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

จากรายงานผลการสำรวจเกี่ยวกับประชากรผู้สูงอายุของสำนักงานสถิติแห่งชาติ หรือ สสช. ที่ทำเมื่อปี 2552 (แม้อาจจะเก่าไปหน่อย แต่ก็บอกอะไรเราได้เหมือนกัน) พบว่าคนส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 89.7 เห็นว่า ควรมีการเตรียมการเพื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ ในจำนวนนี้เห็นว่า

• ควรเตรียมการในเรื่องเงินถึงร้อยละ 98.2
• เตรียมการในเรื่องที่อยู่อาศัยร้อยละ 97.4
• เตรียมการในเรื่องสุขภาพกาย ร้อยละ 96.3
• เตรียมการในเรื่องสภาพจิตใจ ร้อยละ 93.9
• เตรียมการหาผู้ดูแล ร้อยละ 88.6
• และควรมีการเตรียมการเรื่องมรดก ร้อยละ 83.9

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ผลสำรวจจะพบว่าส่วนใหญ่ควรเตรียมพร้อมด้านต่างๆสำหรับวัยเกษียณ แต่ผลสำรวจก็พบเช่นกันว่า

• ร้อยละ 76 คาดหวังจะพึ่งพาลูกหลานเมื่อยามชรา
• ร้อยละ 32.8 หวังพึ่งพาแหล่งเงินจากลูกหลาน
• ร้อยละ 31. 4 จะทำงานเลี้ยงดูตนเอง
• ร้อยละ 21.2 พึ่งพาเงินออมหรือทรัพย์สินมีอยู่
• มีเพียงร้อยละ 6.0 คิดพึ่งคู่สมรส
• มีเพียงร้อยละ 4.7 หวังพึ่งเบี้ยยังชีพจากรัฐบาล

และที่แย่กว่านั้นก็คือ
• ขณะที่ผู้คิดจะออมหรือสะสมเงินทองหรือทรัพย์สินให้เพียงพอไว้ใช้ในวัยสูงอายุแต่กลับไม่ทำมีถึงร้อยละ 59.9
• คิดจะดูแลตัวเองให้มีสุขภาพกายที่แข็งแรงก่อนวัยสูงอายุแต่ก็ไม่ได้ทำมีถึงร้อยละ 54.1

ปัญหาของการไม่ได้เตรียมพร้อมอย่างดีพอสำหรับยามเกษียณโดยเฉพาะเรื่องการเงิน ทำให้ผู้ที่เข้าสู่วัยเกษียณหลายคนกังวลใจว่า จะอยู่อย่างไรดี จะหาเงินจากไหนมาใช้จ่ายแทนเงินเดือนที่เคยได้รับอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นคนกลุ่มนี้ซึ่งมีเงินก้อนที่เก็บมาตลอดชีวิต ก็จะเริ่มมองหาช่องทางการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนที่มากๆจนหลายๆครั้งทำให้มองข้ามความเป็นไปได้ไป จึงเป็นที่มาของข่าวการหลอกลวงต่างๆ ที่เหยื่อมักจะเป็นผู้สูงอายุ ตัวอย่างเช่น ที่ผมเองได้เจอกับตัว ก็คือ มีหลานสาวของเพื่อนมาเสนอให้ลงทุนในทองคำ โดยอ้างว่าเป็นการลงทุนในทองคำด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถการันตีผลตอบแทนได้ถึง 6%/เดือน ต้องลงทุนขั้นต่ำ 300,000 บาท ตอนแรกที่ผมได้ฟังหลานสาวมาชักชวนก็สนใจ เพราะผมเองก็สนใจเรื่องการลงทุนอยู่แล้ว และก็รู้เช่นกันว่า การลงทุนในทองคำมีความเสี่ยง

ดังนั้นถ้าใครสามารถการันตีผลตอบแทนของการลงทุนในทองคำได้ถึง 6%/เดือน หรือเท่ากับ 72%/ปี ก็น่าสนใจไม่น้อย เลยบอกหลานให้เชิญผู้จัดการหรือคนที่บริหารเงินลงทุนมาอธิบายให้หน่อยว่า ทำยังไงถึงการันตีผลตอบแทนได้ ปรากฏว่า เมื่อหลานไปบอกผู้จัดการว่าผมสนใจและขอคุยรายละเอียด ผู้จัดการคนนั้นก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลย เดาเอาว่าคงเป็นเพราะหลานคงให้ข้อมูลผู้จัดการว่าผมทำงานในสถาบันการเงินเหมือนกัน คงหลอกได้ยาก และหลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ข่าวว่าบริษัทนั้นปิดกิจการไปเรียบร้อยแล้ว

และเมื่อไม่นานมานี่เอง ก็เจออีกบริษัทหนึ่งมาชวนลงทุนในโฆษณาบนอินเตอร์เนต (เซ็งจริงๆ เห็นเราแก่หรือไง มาชวนลงทุนจัง ยังอีกหลายปีกว่าเกษียณนะ) อันนี้ยิ่งหนักใหญ่ การันตีผลตอบแทนที่ 10%/สัปดาห์ แค่ 10 สัปดาห์ ยังไม่ถึง 3 เดือนเลยก็คืนทุนแล้ว หลังจากนั้นกำไรอย่างเดียว น่าสนใจมากๆ แต่เมื่อถามถึงวิธีการลงทุนที่การันตีผลตอบแทนได้ ก็กลับตอบไม่ได้ ผมก็เลยไม่เอา ห่วงเงินตัวเองมากกว่า กลัวถูกหลอก และเมื่อผมเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนที่อยู่ ก.ล.ต. ฟัง เพื่อนบอกทันที บริษัททำนองนี้ ก.ล.ต. ได้รับข้อร้องเรียนมาเยอะ ส่วนใหญ่จะจัดงานเลี้ยงเชิญชวนลูกค้าอย่างหรูตามโรงแรมใหญ่ๆ และจะลงทุนในธุรกิจพิเศษที่อยู่นอกเหนืออำนาจของ ก.ล.ต . อย่างเช่น โฆษณาบนอินเตอร์เนต ที่ยกตัวอย่างมานั่นแหละ ทำให้ ก.ล.ต. ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้

ซึ่งนอกจาก 2 เคสที่ผมได้เจอกับตัวเองแล้ว ในเมืองไทยมีกรณีหลอกลวงอย่างนี้มาก แนะนำให้ทุกท่านไปหาอ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย https://www.1213.or.th/th/Pages/default.aspx และหลายครั้งบางทีเราอ่านเคสที่เกิดขึ้น เราอาจคิดว่า ทำไมถึงโดนหลอกกันได้ ถ้าเป็นเรา เราจะไม่โดนหลอกแน่นอน บอกให้เลยครับ คนคิดอย่างนี้โดนหลอกมาเยอะแล้ว เพราะตอนที่เรื่องเกิดกับตัวเรา เรามักจะประมาท และถูกความโลภ ความกลัว เข้าครอบงำการตัดสินใจ ทำให้ขาดสติในการพิจารณา จึงตกเป็นเหยื่อพวกมิจฉาชีพกันง่ายๆ ขนาดบางคนเป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยก็ยังเป็นเหยื่อจนต้องสูญเงินที่เก็บมาตลอดชีวิตกว่าสิบล้านบาท

คาถาหนึ่งที่ผมใช้เตือนตัวเองเสมอที่จะไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพพวกนี้ ก็คือ “อะไรก็ตามที่เหลือเชื่อ ให้นึกไว้ก่อนว่าเหลือเชื่อ” เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง ปาฏิหาริย์ไม่มีหรอกครับ